วันเสาร์, มกราคม 23, 2553

เรื่องของฉัน ตอนที่ 42

อเมริกายุติการดำเนินการทางทหารในเวียตนามใต้ลงในปี 2516 ตามสนธิสัญญาหยุดยิงที่ได้มีการลงนามกัน ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ก่อนหน้านั้น เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่เวียตนามเหนือสัญญาว่าจะปล่อยตัวเชลยศึกอเมริกันเป็นชุดแรก สนธิสัญญาหยุดยิงนี้เป็นสนธิสัญญาที่แปลก เพราะอเมริกาซึ่งเป็นใครที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับประเทศเวียตนามและน่าจะถือว่าเป็นบุคคลที่สามได้ลงนามสัญญากับเวียตนามเหนือว่าจะเลิกทะเลาะกัน อเมริกาสัญญาว่าจะเลิกทุบตีเวียตนามเหนือด้วยการเทกระจาดทิ้งระเบิดใส่เอาเหมือนดังเช่นที่เคยเป็นมา ส่วนเวียตนามเหนือนั้นเล่า ก็สัญญาว่าจะปล่อยตัวนักบินอเมริกันที่ถูกจับไว้เป็นเชลยสงครามเหตุเพราะเครื่องบินที่ขับไปทิ้งระเบิดหรือไปแอบดูกิจกรรมต่าง ๆ ในเวียตนามเหนือถูกยิงตกลงในเขตประเทศเวียตนามเหนือ นักบินเหล่านี้ต่างก็สาบแช่งตัวเองที่มัวแต่ตกใจว่าเครื่องบินโดนยิงเลยดึงคันโยกดีดตัวเองออกจากเครื่อง ไม่ยอมตกตายไปพร้อมกับเครื่องบินซึ่งดูแล้วจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่ามาก เพราะเมื่อร่มพยุงชีพพาตัวนักบินเดนตายเหล่านี้ร่อนลงถึงพื้นก็ต่างต้องเผชิญกับชะตากรรมซึ่งทุกคนล้วนเห็นพ้องต้องกันว่า “หากตายเสียก่อนก็จะดีกว่ามาก”

ทั้งอเมริกาและเวียตนามเหนือต่างตั้งใจว่าจะลงนามในสัญญากันสองฝ่ายแต่พลันก็คงเห็นเวียตนามใต้นั่งทำตาปริบ ๆ อยู่ตรงนั้นด้วย ก็เลยเรียกมาลงนามร่วมเสียอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อมิให้เกิดอาการขวยเขินแล้วเปลี่ยนชื่อสนธิสัญญานั้นเป็นสนธิสัญญาสามฝ่าย

ดังนั้น เมื่ออเมริกาหยุดยิงและเวียตนามเหนือปล่อยตัวนักบินเชลยบางส่วนกลับมาแล้ว เวียตนามเหนือโดยกองกำลังเวียตกง ก็ยังคงรุกรานเวียตนามใต้อยู่อย่างต่อเนื่องโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะรวมสองเวียตนามเข้าเป็นประเทศสังคมนิยมเดียวกัน เพราะถือว่าตนสัญญาว่าจะหยุดยิงกับอเมริกา มิได้สัญญากับเวียตนามใต้ ครั้นอเมริกาจะขนทหารกลับเข้ามาใหม่ก็ใช่ที่ ก็เลยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องให้การสนับสนุนเป็นเงินและอาวุธยุทโธปกรณ์แก่รัฐบาลเวียตนามใต้ให้ทำสงครามกับพวกเวียตกงอย่างต่อเนื่องต่อไป แต่เงินช่วยเหลือนี้ก็กลับถูกยักยอกโดยผู้มีอำนาจในเกือบทุกระดับชั้นอย่างเอิกเกริกไร้ยางอาย ผู้ที่มีอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนั้นล้วนมีชีวิตที่หรูหราฟุ้งเฟ้ออย่างสุดขีด ผู้ใดก็ตามที่มีโอกาสต่างพากันคิดยักย้ายถ่ายเทเอาของหลวงมาเป็นประโยชน์แห่งตนกันทั้งสิ้น ในขณะที่ทหารชั้นผู้น้อยก็หมดกำลังใจมิได้คิดที่จะสู้รบกับพวกเวียตกงเพราะทุกคนหากเปรียบเป็นเด็กก็เหมือนกับเด็กที่ถูกเอาใจเสียจนเคยอีกทั้งยังมั่นใจว่าหากเหตุการณ์คับขึ้นขึ้นเมื่อใดลูกพี่เก่าก็จะเข้ามาช่วยแก้ไขสถานะการณ์ให้อย่างแน่นอน

จวบจนถึงปี 2518 ก่อนที่ปองจะเกิดได้เพียงเดือนเดียว ไซ่ง่อนเมืองหลวงของเวียตนามใต้ในสมัยนั้นก็แตกลง พวกเวียตกงบุกเข้ายึดควบคุมเมืองไว้ได้ทั้งหมด ฆ่าทหารเวียตนามใต้และข้าราชการที่หนีไม่ทันเสียมากมาย ในช่วงสองถึงสามวันก่อนที่กรุงไซง่อนจะแตก สนามบินตันซอนุทถูกปิด สายการบินทุกสายยกเลิกการบินเนื่องจากสนามบินแห่งนั้นถูกเวียตกงยิงถล่มอย่างหนักติดต่อกันมาหลายวัน สถานทูตอเมริกันจึงเป็นเสมือนหนึ่งประตูสู่อิสระภาพเพียงประตูเดียวที่เหลืออยู่ซึ่งก็แน่นอนที่สุดกลายเป็นสถานที่ซึ่งชุลมุนมาก เพราะนอกจากฝรั่งอเมริกันที่ตกค้างอยู่ในเวียตนามใต้ทุกคน พวกที่เป็นเมียหรือญาติพี่น้องข้างเมียของทหารในคราบพลเรือนอเมริกันรวมตลอดไปจนถึงพลเรือนชาวเวียตนามใต้ที่ทำงานหรือเคยทำงานให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ของอเมริกัน ทั้งที่มีชื่อและไม่มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้ที่ได้รับสิทธิในการอพยพออกนอกประเทศต่างก็หอบผ้าหอบผ่อนหอบลูกจูงหลานมาออกันเพื่อยื้อแย่งปีนป่ายเข้าไปในบริเวณสถานทูต คนพวกนี้ไม่มีทางเลือกอื่นในชีวิตเหลืออยู่อีกนอกจากจะต้องออกจากประเทศไปให้ได้ไม่ว่าโดยวิถีทางใดก็ตามเพราะเวียตกงได้ประกาศล่วงหน้ามานานแล้วว่าคือคนที่ทรยศต่อประเทศชาติ คือคนที่ทรยศต่ออุดมการของโฮจินมินห์ ฉะนั้น โอกาสที่จะมีชีวิตรอดหลังจากเวียตกงเข้าเมืองได้จึงไม่มีเหลืออยู่เลย

ภาพของสงครามไม่ว่าจะมองในแง่มุมไหนก็ล้วนโหดร้ายและบีบคั้นจิตใจอย่างรุนแรงไปทั้งสิ้นภาพนายทหารเวียตนามใต้ที่ใช้ปืนพกจ่อยิงไปที่หัวของชายที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเวียตกงกลางตลาดสดซึ่งที่ชุมนุมชนโดยไม่มีการสอบสวน ภาพของเด็กหญิงที่เดินร้องไห้ไปตามถนนด้วยเนื้อตัวเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกไฟจากระเบิดนาปาล์มเผาไหม้ไปจนหมดสิ้น ภาพของกลุ่มทหารอเมริกันรุ่นสุดท้ายที่ตกเป็นทาสของกัญชายาเสพติดอย่างรุนแรงใส่เครื่องแบบที่ถูกดัดแปลงเสียจนเกือบจะดูไม่ออกว่าเป็นเครื่องแบบของทหาร ภาพของผู้ชายผู้หญิงทั้งที่เป็นคนแก่หนุ่มสาวรวมไปถึงเด็ก ๆ แห่งหมู่บ้านไมไลกว่าสามร้อยคนที่ถูกทหารอเมริกันฆ่าตายเพราะสงสัยว่าเป็นพวกเวียตกง ภาพของบ้านเมืองที่ลุกเป็นไฟผู้คนที่ออกวิ่งกระเซอะกระเซิงไปในสถานที่ต่าง ๆ บ้างก็ฉวยโอกาสออกปล้นฆ่าข่มขืนคนชาติเดียวกันเองในนสภาพบ้านแตกสาแหรกขาดไร้ขื่อไร้แป ภาพของผู้คนที่หอบผ้าหอบผ่อนหอบลูกจูงหลานพากันไปอออยู่หน้ารั้วสถานทูตอเมริกันในกรุงไซ่งอน ภาพของผู้คนที่แย่งกันปีนป่ายเพื่อที่จะเข้าไปในบริเวณสถานทูตให้ได้ในขณะที่เครื่องช้อบเปอร์บินว่อนรับผู้คนจากหลังคาสถานทูตไปส่งลงยังเรือบันทุกเครื่องบินหลายลำที่จอดรออยู่ในอ่าวตั้งเกี๋ย เป็นอะไรที่เห็นเมื่อใดก็ให้หดหู่หัวใจนัก

ก่อนหน้านั้นสักสามปีถ้ามีใครมาพูดขึ้นว่าว่าไซ่ง่อนจะแตกให้กับเวียตกง คนฟังก็จะพากันหัวเราะกันครื้นเครงด้วยคิดว่าเป็นเรื่องตลกอย่างแน่แท้ ไม่มีทางที่ใครจะปักใจเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริงได้เป็นอันขาด

หากจะมองสงครามเวียตนามในภาพรวม อเมริกาได้ถูกสังคมโลกตราหน้าว่าเป็นผู้แพ้เมื่อยินยอมลงนามในสนธิสัญญาหยุดยิงและถอนทหารออกจากเวียตนามเพียงเพื่อแลกกับการที่เวียตนามเหนือยินยอมที่จะปลดปล่อยเชลยสงครามหลังจากที่ยึกยักตั้งเงื่อนไขต่าง ๆ เสียจนมากมาย การแพ้ในครั้งนั้นเป็นการแพ้ให้กับ “มวยคนละรุ่น” แต่นั่นเป็นภาพที่คนจำติดตา เป็นภาพของคนที่มองเรื่องนี้อย่างผิวเผิน ทั้งที่เป็นอเมริกันเองและที่เป็นคนชาติอื่น โจทย์ในเรื่องนี้ที่ยังไม่มีคำตอบคือ อเมริกาแพ้จริงหรือ

มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าประเทศสหรัฐอเมริกาเริ่มเข้าไปมีบทบาททางการทหารในประเทศเวียตนามมาตั้งแต่ปี 2493 เมื่อประธานาธิบดีทรูแมนตัดสินใจส่งผู้เชี่ยวชาญทางทหารรวม 35 นายเข้าไปช่วยฝรั่งเศสอำนวยการรบในสงครามเดียนเบียนฟูเพื่อผดุงรักษาสภาพของประเทศที่เป็นอนานิคมไว้ จึงกล่าวได้ว่าโดยรวมแล้วอเมริกาเข้ามามีบทบาททางการทหารทั้งในทางตรงและทางอ้อมเป็นเวลากว่าสองทศวรรษ แม้ว่าอเมริกาจะเสียทหารถึงห้าหมื่นกว่าคนในสงครามเวียตนามซึ่งคนฟังอาจตกใจเห็นว่าคนตายเยอะนัก แต่หากจะเทียบกับจำนวนผู้คนที่เสียชีวิตในสงครามนี้ทั้งหมดซึ่งประมาณกันว่าเป็นจำนวนมากกว่าสองล้านคน หรือจะเทียบกับจำนวนทหารอเมริกันที่เข้าไปปฏิบัติการรบในเวียตนามกว่าห้าแสนคน เทียบกับคนอเมริกันทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายที่ต้องตายไปด้วยโรคหัวใจซึ่งมีจำนวนถึงกว่าเจ็ดแสนคนต่อปี เทียบกับที่คนอเมริกันฆ่ากันเองตายไปกว่าหกแสนสองหมื่นคนในสงครามกลางเมืองที่อเมริกันฝ่ายเหนือรบกับฝ่ายใต้เพียงเพราะความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องทาสนิโกร หรือจะเทียบกับคนยิวที่ถูกเยอรมันฆ่าในสงครามโลกครั้งที่สองกว่าหกล้านคนแล้ว ก็จะเห็นได้โดยง่ายว่าอเมริกาเสียทหารในสงครามเวียตนามน้อยมาก

แต่เมื่อย้อนมาคำนึงถึงแสนยานุภาพทางทหารและเทคโนโลยี่ที่อเมริกามีอยู่ในมือในขณะนั้นจะยังจะมีใครเชื่ออยู่อีกหรือว่าอเมริกันแพ้สงครามเวียตนาม หากอเมริกาตั้งใจจะรบกับเวียตกงในสงครามเวียตนามอย่างเต็มกำลังเพื่อมุ่งเอาชนะคะคานกันจริง ๆ แล้วเวียตกงจะไปมีอะไรเหลือ
อเมริกามิได้ใช้หรือตั้งใจที่จะใช้ยุทธการเชิงรุกในสงครามเวียตนามนอกจากการทิ้งระเบิดถล่มจุดยุทธศาสตร์ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เป็นที่เปิดเผยในเวียตนามเหนืออย่างหนักและการที่ประธานาธิบดีจอห์นสันออกมาพูดอยู่เนือง ๆ ว่าอเมริกาจะไม่จำกัดขีดความสามารถในการใช้อาวุธปรมณูไว้เมื่อถึงคราวที่จำเป็นแล้ว กองกำลังภาคพื้นดินของอเมริกาไม่เคยรุกเข้าไปรบเพื่อยึดครองพื้นที่ในเขตประเทศเวียตนามเหนือเลย ทหารราบอเมริกันได้รับคำสั่งให้ทำการรบเพื่อต่อต้านการแทรกแซงของกองกำลังเวียตกงในพื้นที่ประเทศเวียตนามใต้เท่านั้น และในช่วงท้าย ๆ ของสงครามเมื่อทหารเวียตกงเลี่ยงไปใช้เส้นทางในเขมรและลาวเพื่อรุกรานเวียตนามใต้ อเมริกาก็เลือกที่จะจ้างทหารรับจ้างจากไทยเข้าไปรุกรบเพื่อยับยั้งการแซกแซงและทำลายเส้นทางลำเลียงนั้นลงเสียเท่านั้น

(โปรดอ่านต่อไปได้อีกนิดที่ความคิดเห็นที่ 1)

จากคุณ : แมงกระพรุน - [ 30 ส.ค. 45 02:38:55 A:203.149.40.15 X: ]

ความคิดเห็นที่ 1

หากจะเปรียบสงครามเวียตนามกับขั้นตอนของสงครามในสมัยโบราณแล้วก็น่าจะตรงกันขั้นตอนขี่ม้าท้าทายถามชื่อแซ่รำทวนท้าทายข้าศึกที่หน้าค่ายของตัวเอง เดชะบุญที่คู่ต่อสู้ในสงครามเย็นมิได้รับคำท้า สงครามร้อนหรือสงครามจริง ๆ จึงยังมิได้เกิด เป้าหมายที่แท้จริงของอเมริกาน่าจะเป็นโซเวียตหาใช่เวียตกงหรือเวียตนามเหนือไม่ อเมริกาหรือจะให้เฉพาะเจาะจงลงไปก็คงต้องใช้คำว่าซีไอเอเห็นว่าหากโซเวียตทนเห็นลูกน้องของตัวเองโดนรังแกมาก ๆ ไม่ไหวก็ต้องกระโดดลงมาเล่นเองในสงครามที่ต่างฝ่ายต่างกำหนดขอบเขตได้เพราะทั้งสองฝ่ายต่างมีหุ่นเชิดของตัวเองคนละตัว และรบกันในสังเวียนที่ใกล้จากบ้านของทั้งสองฝ่ายจึงเป็นที่แน่นอนว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถควบคุมมิให้สงครามนั้นขยายของเขตออกไปได้โดยง่าย

หากการณ์เป็นไปเช่นนั้นอเมริกาก็จะสามารถใช้สมรภูมิเวียตนามเป็นสนามทดสอบศักยภาพของอาวุธของตัวกับของคู่แข่งตลอดกาลอย่างโซเวียตได้ในสนามรบที่ห่างจากบ้านตัวเองกว่าครึ่งโลก นอกจากนั้นยังสามารถใช้สมรภูมิเวียตนามเป็น “งานแสดงสินค้า” ให้กับลูกค้าที่สนใจจะซื้อหาอาวุธได้ชมประสิทธิภาพของอาวุทยุธโทปกรณ์ต่าง ๆ ในสนามรบจริงได้อีกด้วย แต่งานนี้อเมริกันคาดผิดที่โซเวียตไม่ยอมเล่นด้วย อาจเป็นเพราะโซเวียตได้ประเมินแล้วเห็นว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ของตนยังห่างชั้นกับของอเมริกันมาก อย่างมากที่ทำจึงเป็นเพียงแค่โยนเศษเงินกับอาวุธที่ใกล้จะปลดระวางให้กับเวียตนามเหนือเท่านั้น ถึงกระนั้นก็ตามหากจะลองคิดดูกันเล่น ๆ ว่าอเมริกันสามารถใช้สมรภูมิเวียตนามทดสอบศักยภาพของอาวุธประเภทต่าง ๆ แต่เพียงฝ่ายเดียวได้ประโยชน์มหาศาลเพียงใด มีใครรู้หรือไม่ว่าอเมริกาขายอาวุธและเทคโนโลยี่ทางการสงครามที่พัฒนาขึ้นจากสงครามเวียตนามให้กับประเทศด้อยพัฒนาต่าง ๆ ได้เป็นมูลค่ามหาศาลขนาดไหน

เมื่ออเมริกาเริ่มที่จะหมดความอดทนและความสนใจในเวียตนาม ก็หันไปหาของเล่นใหม่ในตะวันออกกลาง พอดีกับจังหวะที่ยิวและอาหรับเริ่มหงุดหงิดใส่กันจนมองหน้ากันไม่ติด อเมริกาก็เลยได้จังหวะลงจากหลังเสือโดยอาศัยสนธิสัญญาหยุดยิงที่ลงนามกันที่กรุงปารีสหลังการเจรจาสันติภาพที่ยืดเยื้อยาวนานที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาตร์โลก ถอนทหารออกไปจากประเทศเวียตนาม ปล่อยให้เวียตนามใต้เผชิญชะตากรรมต่อไปแต่เพียงโดดเดี่ยวลำพัง เหมือนกับเด็กที่เบื่อโยนของเล่นชิ้นเก่าที่เล่นมานานทิ้งแล้วผละไปหาของเล่นชิ้นใหม่ กองกำลังเวียตนามเหนือซึ่งประกอบด้วยผู้คนที่เกิดเป็นคนและมีชีวิตอยู่ท่ามกลางสงครามตลอดมาต่างรบด้วยชีวิตจิตใจ รบเพื่อสนองปณิธานอันแรงกล้าที่จะรวมชาติเวียตนามเข้าด้วยกัน ก็ใช้เวลาไม่ถึงสองปีดีหลังจากที่อเมริกาถอนกำลังส่วนใหญ่ออกไป บดขยี้ไล่รบเสียจนพวกเวียตนามใต้แพ้เละเทะไม่เป็นขบวนและยึดครองเวียตนามได้หมดทั้งประเทศในที่สุดดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น

ในส่วนของกองกำลังสนับสนุนการรบในประเทศไทย เมื่อไม่มีการรบในเวียตนามอีกต่อไปแล้ว ความจำเป็นที่จะคงฐานทัพเหล่านั้นไว้ก็มีน้อยลง จริงอยู่ที่ก่อนหน้านั้น อเมริกาต้องการมีฐานทัพในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อคานอำนาจจ้องหน้าคุมเชิงกับโซเวียตและจีน แต่ความจำเป็นนั้นก็หมดไปเมื่อขีดความสามารถในการเคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์ได้รับการพัฒนาขึ้นในระดับที่อเมริกาสามารถเคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์มีน้ำหนักรวมกันกว่าหนึ่งร้อยตันในรัศมีกว่าเจ็ดพันกิโลเมตรได้โดยใช้เครื่องบินขนส่งกาแล๊กซี่เพียงลำเดียว ประกอบกับข้อเท็จจริงที่ในขณะนั้นอเมริกามีฐานทัพใหญ่อยู่ในประเทศฟิลิปปินส์และเกาะโอกินาวาไม่นับรวมถึงฐานทัพอากาศบนเกาะกวมซึ่งล้วนสามารถใช้เป็นฐานส่งกำลังบำรุงหากเกิดสงครามที่อเมริกาต้องการเข้ามามีส่วนได้ส่วนเสียขึ้นในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ได้โดยง่าย

ในประเทศไทยชมรมนิสิตนักศึกษาในขณะนั้นก็เริ่มพุ่งเป้าหมายการประท้วงรายวันมาเน้นย้ำให้ทหารอเมริกาถอนฐานทัพออกไปจากประเทศไทยโดยเร็ว เรื่องเลยเข้าล๊อกกลายเป็นว่าพลังนิสิตนักศึกษาและรัฐบาลที่กำลังต้องการเอาใจนิสิตนักศึกษาในสมัยนั้นเป็นพิเศษประสบกับความสำเร็จอย่างงดงามในการเจรจากดดันจนอเมริกาต้องยินยอมถอนฐานทัพออกไปจากประเทศไทยอย่างรวดเร็ว ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงอเมริกาก็ประสงค์ที่จะทำเช่นนั้นอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว ผลกระทบจากการนี้ก็คือรัฐบาลและกองทัพต้องจำใจปล่อยให้เงินช่วยเหลือจำนวนมหาศาลที่เคยได้รับจากอเมริกาเป็นการแลกเปลี่ยนกับการยินยอมให้อเมริกาใช้ฐานทัพในประเทศไทยในขณะนั้นมลายหายวับไปกับตา

อเมริกาเริ่มทะยอยปิดฐานทัพในประเทศไทยและลดกำลังทหารประจำการลงเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2516 เป็นต้นมา แรก ๆ ก็ยังไม่เห็นผลอะไรชัดเจนนักเพราะทหารที่เหลืออยู่ยังมีอีกมาก ต่อมา ผลกระทบทางด้านจุลภาคก็เริ่มเห็นเป็นรูปธรรมเด่นชัดขึ้นเมื่อจำนวนทหารเริ่มลดน้อยลงจนคนไทยที่เคยทำมาหากินกับอเมริกันอย่างคล่องคอเริ่มมีอาการติดขัดในลำคอกันเป็นทิวแถว คนที่ทำงานเป็นลูกจ้างพนักงานธนาคารเชสเอมเอฟเอฟก็เช่นกัน ก่อนหน้านั้นได้มีการเจรจากันอย่างลับ ๆ ระหว่างผู้บริหารระดับสูงของเชสเอมเอฟเอฟกับธนาคารเชสแมนแฮตตั้นซึ่งประกอบกิจการเป็นธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศอยู่ในกรุงเทพฯที่เรียกกันว่าคอมเมิชช่วลบร้านซ์ในอันที่จะขอให้คอมเมิชช่วลบร้านซ์รับโอนพนักงานของเชสเอมเอฟเอฟบางส่วนไปเมื่อเชสเอมเอฟเอฟต้องปิดตัวลงซึ่งได้ส่งผลให้พนักงานของเชสเอมเอฟเอฟได้รับโอนไปทำงานต่อเนื่องยังคอมเมิชช่วลบร้านซ์หลายรุ่น ทั้งหมดเป็นพนักงานที่ทำงานอยู่ที่เซนทรัลแอดมินนิสเตรชั่นอ๊อฟฟิสในกรุงเทพ พนักงานที่ทำงานอยู่ตามสาขาต่างจังหวัดซึ่งก็รวมทั้งตัวฉันด้วยไม่มีใครได้รับการโอนย้ายไปด้วยเลย

ถึงแม้จะได้ข่าวและพอจะวิเคราะห์ออกว่าตัวเองอาจไม่ได้รับโอกาสที่จะถูกโอนไปทำงานที่คอมเมิชช่วลบร้านซ์ซึ่งหมายความว่าฉันอาจจะถูกลอยแพหลังจากฐานทัพที่อุดรปิดตัวเองลงก็ตาม แต่ในขณะนั้นฉันก็มิได้กังวลเดือดร้อน ยังคงก้มหน้าทำงานในความรับผิดชอบอย่างเต็มกำลังความสามารถไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งในช่วงปลายปี 2518 ขณะที่ปองเกิดมาได้เพียง 6 เดือนก็มีข่าวว่าเชสจะปิดสาขาที่อุดร พนักงานที่เหลืออยู่ทั้งหมดก็เริ่มร้อนตัวหาลู่ทางที่จะขยับขยาย ฉันก็เริ่มพูดคุยหารือกับผู้เกี่ยวข้องที่กรุงเทพมากขึ้นเกี่ยวกับอนาคตของฉันในเชส คำตอบแรก ๆ ที่ได้รับคือทางคอมเมิชช่วลบร้านซ์เริ่มมีข้อจำกัดในเรื่องกำลังคนได้ขอระงับโครงการรับโอนพนักงานจากเอมเอฟเอฟไว้ชั่วคราวจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจึงจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่งหมายความว่าให้ฉันรอไปก่อน ระหว่างที่รอก็ให้ช่วยเคลียเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้การปิดสาขาอุดรทำได้โดยราบรื่น พวกฝรั่งพูดในทำนองขออย่าให้ฉันวิตกเพราะยังมีงานให้ทำไปอีกนานแม้ว่าสาขาธนาคารที่อุดรจะปิดไปแล้วก็ตาม

ในช่วงนั้นมีฝรั่งคนหนึ่งชื่อ จอห์น ดีซีโก้ ถูกโอนย้ายจากเวียตนามมารับงานด้านเอดมินิสเตรชั่นในอันที่จะทยอยยกเลิกธุรกรรมและกิจกรรมต่าง ๆ ของธนาคารอยู่ที่กรุงเทพฯ จอห์น ดีซีโก้คนนี้ไงที่เคยเล่าให้ฟังว่าเป็นครูภาษาอังกฤษคนที่สองของฉันรองจาก มร. บราเวนเดอร์ จอห์นกับฉันมีโอกาสได้พูดคุยและทำงานร่วมกันแล้วเกิดถูกอัธยาศัยคบกันเป็นเพื่อนจนสนิทกันมากถึงขั้นที่ฉันจะไปกินไปนอนที่บ้านพักของจอห์นที่ซอยร่วมฤดีทุกครั้งที่ฉันลงมาติดต่องานในกรุงเทพบ่อยขึ้นในระยะหลัง และก็เป็นจอห์นผู้นี้นี่เอง ที่แนะให้ฉันใช้นโยบายเชิงรุกหากต้องการที่จะทำงานกับเชสต่อไป

จอห์นสอนให้ฉันเขียนเรซูเมหรือประวัติส่วนตัวแบบมืออาชีพแทนที่จะเป็นเรซูเมแบบเด็ก ๆ ที่เคยใช้ประกอบจดหมายสมัครงานตอนเรียนจบใหม่ ๆ จอห์นแนะให้ฉันส่งเรซูเมที่ช่วยกันเขียนขึ้นนั้นพร้อมกับจดหมายสมัครงานตรงไปที่คอมเมิชช่วลบร้านซ์เลย อย่ารอ ฉันก็ทำตามคำแนะนำนั้น และเชื่อหรือไม่ คนที่เปิดซองจดหมายสมัครงานของฉันคือคุณเพ็ญศรีซึ่งได้รับการโอนย้ายไปรับตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการแผนกงานบุคคลอยู่ที่คอมเมิชช่วลบร้านซ์เป็นรุ่นแรก คุณเพ็ญศรีคนเดียวกันกับคนที่เปิดซองจดหมายสมัครงานของฉันเมื่อหกปีก่อนนั้นนั่นแหล่ะ น่าแปลกไหม


จากคุณ : แมงฯ - [ 30 ส.ค. 45 02:44:52 A:203.149.40.15 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2

สำหรับท่านที่ต้องการอ่าน “เรื่องของฉัน” ตอนเก่า ๆ ก็โปรดไปที่นี่ "เรื่องของฉันตอนที่ 41" ซึ่งจะมีบัญชีลายแทงตัวเชื่อมพาท่านไปยัง “เรื่องของฉัน” ตอนต่าง ๆ ตั้งแต่ตอนที่ 1 – 40 ได้ในลัดนิ้วมือเดียว ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่

จากคุณ : แมงฯ (ใครดี) - [ 30 ส.ค. 45 02:49:47 ]

ความคิดเห็นที่ 3

Sawasdee kha...Just finish the lab.. K.แมงกระพรุน kha.. I can't read your Karaoke language.. :-( Could you please translate your Karaoke language (in previous chapter) to me.. O-dai-ji-ni

จากคุณ : guest - [ 30 ส.ค. 45 03:32:15 A:133.68.126.131 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4

Sometimes ordinary people's life is a memory of history.. I remember, when I was a pupil, one day our teacher told us that, Loas had changed her name... Combodia and Vietnam as well.. I was too young to understand anything. Then, some year later, our teacher had to response to policy from Ministry of Education (I mean Kra-suang-suek-sa).. she had to tell us to be aware of communist.. though we all didn't know exactly what it is..

จากคุณ : guest (again kha) - [ 30 ส.ค. 45 03:47:08 A:133.68.126.131 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5

โอย....ตอนนี้หนักจัง ปวดหมอง ๆ แต่เชื่อว่าฝีมืออย่างพี่แมงฯต้องได้งานที่เชส กทม.แน่นอนเลย คนอะไรมากับดวงแท้ๆ

จากคุณ : JW - [ 30 ส.ค. 45 05:10:07 A:142.173.107.180 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6


เป็นตอนที่บรรยายและวิเคราะห์สถานการณ์ได้ดีมากครับ ไม่น่าเชื่อว่าประเทศที่ย่อยยับจากสงครามเมื่อไม่ถึงสามสิบปีมานี้จะพัฒนาอะไรๆได้เร็ว แถมบางอย่างอย่างแซงหน้า ประเทศไทยไปได้เสียอีก น่าแปลกครับ เหตุการณ์อย่างเดิมมาเกิดซ้ำอีก เป็นความบังเอิญที่น่าแปลก จะเรียกว่าดวงสมพงษ์กันได้ไหมนี่

จากคุณ : GTW - [ 30 ส.ค. 45 05:11:16 A:202.133.172.21 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7

เหมือนในหนังเลยครับ อิจฉา"พี่แมงฯ"จังเลยชีวิตมีรสชาดดีจัง ตอนนั้นของผมก็ประมาณ 8 ขวบ เคยแต่อยู่ในเหตุการณ์ก่อน"เวียง(จันทร์)แตก"เท่านั้นเอง แต่ก็จำอะไรไม่ค่อยได้แล้วล่ะครับ รออ่าน "เรื่องของฉัน 43" นะครับ

จากคุณ : อุ๊บ อิ๊บ (อุ๊บ อิ๊บ) - [ 30 ส.ค. 45 09:40:02 ]

ความคิดเห็นที่ 8

เอาใจช่วยพี่แมงกระพรุนอยู่นะคะ...แหม..ตอนนี้หนักขะหมองน่าดูเลยแหละ

จากคุณ : นิดนิดหน่อยหน่อย - [ 30 ส.ค. 45 10:26:55 ]

ความคิดเห็นที่ 9

อื้อฮือ...ตอนนี้เล่นหนักจังนะพี่แมงฯ

จากคุณ : พิจิก27 - [ 30 ส.ค. 45 10:44:28 ]

ความคิดเห็นที่ 10

สนุกและมีสาระดีครับตอนนี้ การเล่าถึงชีวประวัติส่วนตัว ควรอ้างอิงถึงเหตุการณ์สำคัญๆ ของชาติและของโลกในช่วงเวลานั้นๆด้วย ถือเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ไปในตัว พี่แมงฯ ทำได้ดีแล้วครับ ฟังถึงความวุ่นวายของฝูงชนที่บุกสถานฑูตอเมริกาแล้วนึกถึงภาพจากหนังเรื่อง The Killing Field และ The Deer Hunter ที่มาถ่ายทำในไทย จำได้ว่าเพลงธีมของ เดียร์ ฮันเตอร์ที่เป็นเพลงบรรเลงกีตาร์คลาสสิค ไพเราะมาก ต้องขอโทษครับที่จำชื่อเพลงและคนเล่น คนแต่งไม่ได้ คงต้องรบกวนคุณ bib ช่วยจัดการอีกตามเคยละครับ

จากคุณ : มูโจ้ - [ 30 ส.ค. 45 14:34:16 ]


ความคิดเห็นที่ 11

ใบปิดครับ

จากคุณ : มูโจ้ - [ 30 ส.ค. 45 14:36:05 ]

ความคิดเห็นที่ 12

มาอ่านแล้วค่ะ (ตอนนี้ต้องเพิ่มสมาธิอีกหลายส่วน...แหะๆ)

จากคุณ : โคอาร่า - [ 30 ส.ค. 45 15:23:49 A:203.156.20.85 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13

อ่านเรื่องเกี่ยวกับสงครามครั้งใด หดหู่ใจทุกที รออ่านตอนต่อไปนะคะ คงจะเป็นข่าวดีๆ แน่ๆ เลย

@ ^_^ @

จากคุณ : - โอ้โฮ - - [ 30 ส.ค. 45 16:15:14 ]

ความคิดเห็นที่ 14

วันนี้มาแบบ Good Morning Vietnam!!! เลยนะพี่ ว่าไปแล้ว ประเทศเวียตนาม ไม่ใช่สิ คนเวียตนามเป็นชนชาติที่น่าทึ่งทีเดียว ถ้าเพียงแต่ประเทศไม่มัวทะเลาะกับชาวบ้าน(หรือทะเลาะกันเองแต่ให้ชาวบ้านหนุนหลัง) ก็คงเป็นประเทศคู่แข่งที่สำคัญของไทย (ตอนนี้การท่องเที่ยวเวียตนาม เริ่มบูมมากขึ้นเรื่อยๆ ไทยเราต้องระวังให้ดี)

อะฮ่า พี่แมงฯ วนกลับมาเจอกามเทพคนเก่าของพี่อีกแล้ว เจอคุณเพ็ญศรีทีไรได้ลาภทุกที อยากรู้คราวนี้จะเกิดอะไรขึ้น

จากคุณ : bellissima - [ 30 ส.ค. 45 20:03:57 A:217.162.156.130 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15

อ่านตอนนี้แล้วได้ความรู้เกี่ยวกับสงครามเวียดนามในอีกแง่มุมหนึ่งไปอีกหลายส่วน อืม...ถ้ามองในแง่นี้แล้ว อเมริกาไม่ได้เสียอะไรเท่าไหร่เลยเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ โฮะ ๆ เพิ่งสังเกตว่า ไอซ์เกิดปีเดียวกับปอง ลูกพี่แมงฯเลยค่ะ เอิ๊กส์

จากคุณ : Clear Ice - [ 30 ส.ค. 45 22:02:50 ]

ความคิดเห็นที่ 16

เดาว่าได้งานแน่ๆ เลย :) เรื่องสงคราวเวียดนาม ขอสารภาพว่ารู้สึกเป็นเรื่องไกลตัว แต่ถ้าเข้าใจไม่ผิด คนอเมริกันรู้สึกกับเรื่องนี้มากกว่าสงครามโลกอีก

จากคุณ : scottie - [ 30 ส.ค. 45 23:12:39 ]

ความคิดเห็นที่ 17

มาช้าหน่อยค่ะ งวดนี้ มัวแต่ไปตามเก็บเซลล์สมองที่ตกๆหล่นๆ มาประกอบการอ่านตอนนี้ คุณแมงฯเขียนสนุกกว่าหนังสือประวัติศาสตร์แต่ได้ ความครบดีจังค่ะ คุณแมงฯกับคุณเพ็ญศรีเรียกว่ามีกรรมสัมพันธ์ กันมาไงคะ กรรมดี..จึงมาเกื้อกูลกัน ทักทายน้องๆแฟนคลับทุกคนค่ะ

จากคุณ : ปราณ - [ 31 ส.ค. 45 02:46:14 ]

ความคิดเห็นที่ 18

มาอ่านด้วยตวามกระหายค่ะ อ่านแล้ว เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงทั้งทางสังคมโลกและสังคมไทยในช่วงนั้นเลย คุณแมงเป็นนักเล่าเรื่อง (จริง) ที่น่าติดตามมาก อิจฉาชีวิตของพี่กับพี่ตุ่มที่ได้เจอเหตุการณ์ต่างๆ ในช่วงนั้นด้วยตนเอง ได้สู้ ดิ้นรนและหาทางออกจนอยู่รอดมาได้ถึงทุกวันนี้ นี่...ถ้าน้องปองเค้ามีเวลาเข้ามาอ่าน เค้าคงจะภูมิใจในตัว "ป๋ากับแม่" มากๆ เลย ปล. ยังรออ่าน ตอนที่ 43 อยู่นะคะ

จากคุณ : คุณแม่ลูกสาม - [ 31 ส.ค. 45 11:01:17 A:203.148.232.36 X: ]


ความคิดเห็นที่ 19

ตอนที่แล้วไม่ได้มาคุย แต่ก็ตามอ่านตั้งแต่วันแรกที่ลงนะคะ ขอทักทายเพื่อนนักอ่านทุกท่านคะ สบายกันดีนะคะ อ่านตอนนี้แล้ว ใจมันร้อนรุ่มอยากอ่านต่อตอนที่ ๔๓ รู้ทั้งรู้แหละค่ะว่าพี่แมงฯ ได้งานทำแน่ๆ แต่ที่อยากรู้มากกว่านั้นคือเหตุการณ์หลังจากที่คุณเพ็ญศรีเปิดซองจดหมายไปจนถึงการตกลงกันน่ะค่ะ คิดว่าต้องมีอะไรสำคัญเป็นจุดพลิกผันตรงนี้แน่ๆ

จากคุณ : หมูแดงจ้ะ - [ 31 ส.ค. 45 12:50:19 ]

ความคิดเห็นที่ 20

ตอนนี้เครียดจัง เราก็เครียดเพิ่งกลับจากไป trip ลุยปลาหยก ๆ เมื่อกี้เพื่อนที่อยู่กลุ่มเลี้ยงกุ้งเดียวกันเพิ่งโทรมาบอกว่า เจ้ากุ้งน้อยเป็นโรคเรืองแสงอ่ะอือ ทำไมไม่รักดีฟะ

จากคุณ : Licht (Miran) - [ 1 ก.ย. 45 19:52:07 ]

ความคิดเห็นที่ 21

อ่านแล้วนึกถึงข้อความจาก หนังสือ All Quiet on the Western Front ที่ว่า “สงครามไม่ได้พรากแค่ชีวิต แต่ยังพรากความเป็นมนุษย์ไปด้วย” อืม... พี่แมง วิเคราะห์ได้น่าสนใจดีครับ ตอนนี้ผมก็พยายามวิเคราะห์ศึกระหว่างอเมริกันกับอิรักอยู่ เพราะรู้สึกว่ามันทะแม่งๆ พอสมควรมาตั้งแต่สมัยคลินตันแล้ว เห็นด้วยครับที่ว่าตอนนี้เวียดนามพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วมากโดยเฉพาะด้านการศึกษาที่พัฒนาล้ำหน้าไทยไปแล้ว

สำหรับเพลงที่ขอก็มี little thing mean a lot กับกีต้าร์ทีมสุดคลาสสิคจาก สุดยอดภาพยนตร์ Deer Hunter ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์ปี 1978 ของผู้กำกับไมเคิล ชิมิโนที่ก็ได้รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมในปีนั้นไปด้วย ภาพความกดดันของเกมรัสเซียนลูเล็ตในหนังยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำหลายๆ คนมาจนกระทั่งปัจจุบัน

สำหรับกีต้าร์ทีมนี้เป็นผลงานของจอห์น วิลเลียม ชื่อว่า Cavatina จอห์น วิลเลียมคนเดียวกับสุดยอดคอมโพเซอส์ผู้สร้างสรรค์ทีมคลาสสิคมากมาย เช่น สตาร์วอร์,JAW,Indianajones,E.T. ฯลฯ คนนั้นแหล่ะ ในภาพยนตร์เรื่องนี้แกไม่ได้เป็นคอมโพสเซอส์ แต่เป็นนักดนตรีผู้บรรเลงกีต้าร์ครับ ส่วนคอมโพเซอส์ตัวจริงคือ Stanley Myers

little thing mean a lot ผมมีอยู่สองเวอร์ชัน แต่ไม่มีความเกี่ยวเนื่องกันเลย เพียงชื่อเหมือนกันเท่านั้นเลยเลือกอันที่คิดว่าพี่แมงขอมาลงให้

http://www.angelfire.com/folk/oldies/kitty_kallen___little_things_mean_a_lot.mp3
http://www.angelfire.com/folk/oldies/John_Williams___Cavatina_from_The_Deer_Hunter.mp3

จากคุณ : biblio - [ 1 ก.ย. 45 21:10:51 ]


ความคิดเห็นที่ 22

นึกถึงหนังที่เคยดู เห็นภาพเลยครับ

จากคุณ : Lazy Genius - [ 3 ก.ย. 45 20:05:03 ]

ความคิดเห็นที่ 23

ลุ้น ระทึกด้วยค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริงๆนะคะ (ป่าวหาว่าโกหกนะเอ้อ) เคยเห็นแต่ในหนัง....เรื่องอย่างนี้ไม่เกิดกับตัวเอง ก็แทบจะไม่เชื่อหู(ตา) แต่ยังไงๆ ก็ยังไม่อยากพิสูจน์ค่ะ เดี๋ยวหัวโกร๋น แล้วจนป่านเนี้ย ได้เจอคุณแก้วบ้างหรือเปล่าคะ

จากคุณ : bellissima - [ 3 ก.ย. 45 21:22:29 A:217.162.80.53 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24

ฮ่วย ตอบผิดกระทู้ ขอโทษค่ะ

จากคุณ : bellissima - [ 3 ก.ย. 45 21:24:38 A:217.162.80.53 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25

แหะ ๆ ขอโทษด้วยครับ มาช้าหน่อย ไปธุระต่างเมืองมาครับ มาตามอ่าน และ ตามเก็บ "เรื่องของฉัน" ต่อครับ ...คุณแมงกระพรุนวิเคราะห์สถานการณ์ในช่วงนั้นได้อย่างละเอียดและน่าอ่าน มากเลยครับ ...

คุณ biblio ครับ ผมชอบเพลง "Little Things Mean A Lot" มากเหมือนกัน เคยดาวน์โหลดมาฟัง ไม่ต่ำกว่าสิบเวอร์ชั่น แต่ไม่มีใครร้องเพลงนี้ได้ไพเราะ เหมือน Kitty Kallen สักคน ... ขอเอาเนื้อมาฝากด้วยนะครับ
LITTLE THINGS MEAN A LOT
- Kitty Kallen

Blow me a kiss across the room
Say I look nice when I'm not
Touch my hair as you pass my chair
Little things mean a lot

Give me your arm as we cross the street
Call me at six on the dot
A line a day when you're far away
Little things mean a lot

Don't have to buy me diamonds and pearls
Champagne, sables or such
I never care much for diamonds and pearls
'Cause honestly, honey, they just cost money

Give me your hand when I've lost my way
Give me your shoulder to cry on
Whether the day is bright or gray
Give me your heart to rely on

Send me the warmth of a secret smile
To show me you haven't forgot
For always and ever, now and forever
Little things mean a lot

Give me your hand when I've lost my way
Give me your shoulder to cry on
Whether the day is bright or gray
Give me your heart to rely on

Send me the warmth of a secret smile
To show me you haven't forgot
That always and ever, now and forever
Little things mean a lot

เอ้อ ขอชี้แจงข้อมูลของคุณ biblio หน่อยนะครับ คงไม่ว่ากัน John Williams นักบรรเลงกีตาร์คลาสสิกกับ John Williams นักแต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์ นามกระเดื่องเป็นคนละคนกันครับ บังเอิญชื่อมาซ้ำกันเท่านั้นเอง ตามไปดูรายละเอียด ได้ที่นี่ครับ http://plum.cream.org/williams/ ลิ้งค์ข้างบนนี้เกี่ยวกับ John Williams the classical guitarist แล้วก็มี ลิงค์ไปถึง John Williams the film composer ด้วยครับ มีรูปนักดนตรีทั้งสองท่านให้ดูด้วย ที่ http://www.mfiles.co.uk/Composers/John-Williams.htm มีแจ้งด้วยครับว่า มีคนสับสน credits ของ John Williams สองคนนี้บ่อยมากเกี่ยวกับ หนังเรื่อง "The Deer Hunter" ขอลอกมาจากเว็บเพจโดยตรงเลยนะครับ เขาว่าไว้อย่างงี้:

"One point to note that is frequently mis-quoted even in reference books,
is that John Williams the composer had no involvement with the Deer Hunter,
though John Williams the guitarist arranged and played the theme tune "Cavatina"
on guitar from the original song with music by Stanley Myers and words by Cleo Laine."

จากคุณ : ศุภา - [ 4 ก.ย. 45 08:59:58 A:24.94.209.67 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26

ขอบคุณคุณบิ๊บและคุณศุภามากครับ สำหรับลิงค์เพลง Cavatina รวมทั้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับ John Williams เพราะผมก็สับสนเหมือนกันตอนที่คุณบิ๊บบอกว่าแกเล่นกีตาร์ด้วย

จากคุณ : มูโจ้ - [ 4 ก.ย. 45 15:09:29 A:203.144.143.254 X:203.144.134.86 ]
ความคิดเห็นที่ 27

http://plum.cream.org/williams/

http://www.mfiles.co.uk/Composers/John-Williams.htm

ขออนุญาตทำลิงค์ให้เสียเลยนะคะ น้องศุภา ขอบคุณมากค่ะ
สำหรับเนื้อเพลงโปรด

(ขำน้องเบลล์คนสวยหน่อยด้วย...กิ๊ก..กิ๊ก..)

จากคุณ : ปราณ - [ 4 ก.ย. 45 16:56:45 ]






ความคิดเห็นที่ 28

....................
..........

Yours truly,




จากคุณ : APO96330 - [ 4 ก.ย. 45 17:55:33 A:203.152.14.135 X:10.10.10.104 ]






ความคิดเห็นที่ 29

ต่อไปเป็นรายการ “แมงฯตอบกระทู้” ตามธรรมเนียม หลังจากปะเรื่องของฉันตอนนี้แล้ว เครื่อง PC ที่ใช้อยู่ก็ถึงกาลชำรุดไม่สามารถใช้งานต่อไปได้ ผู้สันทัดกรณีย์มาดูให้แล้วแจ้งว่า เมนบอร์ดเสีย ต้องเคลม อาจต้องใช้เวลาหลายอาทิตย์ชีวิตของแมงฯช่วงนี้จึงลำเค็ญยิ่งนัก นี่หากต้องอยู่โดยไม่มีพีซีไม่มีอินเตอร์เนทจริง ๆ คงต้องชอกช้ำกว่านี้หลายเท่านัก ตอนนี้เลยต้องมายักยอกเอาเครื่องของปองมาใช้ขัดตาทัพไปพลาง ๆ ก่อน ไม่เข้าไม้เข้ามือเหมือนเดิม ผิดพลาดขออภัย
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : guest - [ 30 ส.ค. 45 03:32:15 A:133.68.126.131 X: ]
สวัสดีครับ อ่านไม่ออกหรือครับ ยังไม่เห็นบอกว่า “ยอม” เลย ต้องบอกก่อนจึงจะเฉลย แล้วก็ต้องไขรหัสคำว่า โอไดจิอินิ ด้วยว่าแปลว่าอะไร แฮ่ม
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : guest (again kha) - [ 30 ส.ค. 45 03:47:08 A:133.68.126.131 X: ] (อีกที)
มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องรวมตัวกันอยู่เป็นสังคม เมื่อรวมตัวกันได้แล้วก็ต้องเลือกผู้นำของกลุ่มของสังคมนั้นขึ้นมาเป็นหัวหน้า มาเป็นผู้นำ ในสมัยก่อนผู้นำส่วนใหญ่จะมีผลต่อการกำหนดแนวคิดของกลุ่มคนนั้น ๆ อย่างรุนแรงเสมอ เนื่องจากเป็นผู้นำได้เพราะแข็งแรงกว่ามีกำลังมากกว่า ผู้นำในสังคมนั้นเชื่อเช่นใด คนในสังคมก็จะถูกบังคับโน้มน้าวให้เชื่อเช่นนั้นเช่นกัน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : JW - [ 30 ส.ค. 45 05:10:07 A:142.173.107.180 X: ]
แน่ะมาว่าพี่มากับดวง อ่านต่อไปเรื่อย ๆ แล้วจะเปลี่ยนแนวคิดว่า เออ..พี่เขามากับดวงจริง ๆ แต่เป็น ดวงจับกัง เหนื่อยแฮกไปทั้งชีวิต
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : GTW - [ 30 ส.ค. 45 05:11:16 A:202.133.172.21 X: ]
คุณพี่ GTW แกเป็นคนจริงจังกับชีวิตมาก ชอบอะไรแบบหนัก ๆ อย่างนี้มากกว่าไอ้ที่พร่ำเพ้อหวานแหววจนมดตอมจอเหมือนสี่ห้าตอนที่ผ่านมา..ใครสังเกตบ้างหรือไม่นั่งเงียบเชียว เพิ่งได้ยินเสียงก็ตอนนี้แหล่ะ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : อุ๊บ อิ๊บ (อุ๊บ อิ๊บ) - [ 30 ส.ค. 45 09:40:02 ]
ขอบคุณครับ ที่จริงชีวิตพี่ในช่วงนั้นก็เป็นได้แค่คนดู แต่ก็ดีใจและถือเป็นบุญมหาบุญแล้วที่เรื่องไม่ได้เกิดในบ้านในเมืองของเรา พวกเราต้องช่วยกันภาวนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จงโปรดดลบันดาลให้ประเทศไทยแคล้วคลาดจากเรื่องเลวร้ายแบบนี้ตราบนานเท่านานด้วยเถิด
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : นิดนิดหน่อยหน่อย - [ 30 ส.ค. 45 10:26:55 ]
ขอบคุณครับที่เอาใจช่วยย้อนหลัง เอาน่า หนักนิดเบาหน่อย หลากหลายรสชาติ ชีวิตมิใช่ดอกกุหลาบจะได้หวานชื่อไปตั้งแต่เกิดจนตาย
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : พิจิก27 - [ 30 ส.ค. 45 10:44:28 ]
หนักไปหรือครับ ขอโทษทีช่วงนี้หมอสั่งให้เล่นเวทยกน้ำหนักเพื่อละลายความอ้วน เลยหนักธรรมชาติ หนักแบบไม่ได้ตั้งใจ ยังมีหนักกว่านี้อีกครับ โปรดอดใจรอ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : มูโจ้ - [ 30 ส.ค. 45 14:34:16 ]
ขอบคุณครับ สำหรับปิยะวาจา หนังสงครามเวียตนามของฮอลิวู้ดส่วนใหญ่แล้วจะพยายามสร้างให้เป็นแอบสแทรก ดูแล้วเครียด ดูเข้าใจยาก เพราะหากจะทำให้ตรงไปตรงมาแล้วมันชอกช้ำใจนัก บางเรื่องจึงแหกแนวสร้างซุปเปอร์แมนขึ้นมาให้สะใจไปเลย ตัวอย่างหรือ ก็ “แรมโบ้” ไง
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : โคอาร่า - [ 30 ส.ค. 45 15:23:49 A:203.156.20.85 X: ]
ขอบคุณครับที่ติดตามอ่านอย่างเหนียวแน่นตลอดมา
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : - โอ้โฮ - - [ 30 ส.ค. 45 16:15:14 ]
ขอบคุณครับ คุณโอ้โฮ เป็นแฟนพันธ์แท้อีกท่านหนึ่งที่ติดตามให้กำลังใจกันเสมอมา
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : bellissima - [ 30 ส.ค. 45 20:03:57 A:217.162.156.130 X: ]
ใช่แล้วครับ คนเวียตนามนี่ถ้าเปรียบไปแล้วก็เหมือนกับเป็นยิวแห่งเอเซียเลยละครับ สำหรับคุณเพ็ญศรียังเสมอต้นเสมอปลายให้ความเมตตากับแมงฯอยู่เหมือนเดินจนทุกวันนี้ เกือบสามสิบปีแล้ว
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : Clear Ice - [ 30 ส.ค. 45 22:02:50 ]
คนที่มีมากกว่าแม้จะเสียมากแต่ในอัตราส่วนแล้วก็มักจะเสียน้อยกว่าคนที่มีน้อยกว่าอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เอ๊ะ เขียนเองชักงงเองแล้วงานนี้
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : scottie - [ 30 ส.ค. 45 23:12:39 ]
จริงครับ เหมือนหนามยอกอก อย่างไรก็อย่างนั้น พูดถึงทีไร เจ็บวูบไปทุกที
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : หมอปราณ - [ 31 ส.ค. 45 02:46:14 ]
แหม โล่งอกไปอีกเที่ยว คิดว่าคุณหมอปราณจะทิ้งกันเสียแล้ว งานนี้หมอมากับพระ คำว่ากรรมสัมพันธ์นี่ฟังไพเราะจับใจดี เป็นคำเดียวกันกับ “กรรมเวร” หรือเปล่าไม่ทราบครับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : คุณแม่ลูกสาม - [ 31 ส.ค. 45 11:01:17 A:203.148.232.36 X: ]
ขอบคุณครับ ดีใจที่ชอบ ตอนที่ 43 เพิ่งเขียนเสร็จครับ กำลังเกลาอยู่ ช่วงนี้แก่เฒ่าแล้วหูตาไม่ดี พีซีก็เสีย พัลวัลไปหมด
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : หมูแดงจ้ะ - [ 31 ส.ค. 45 12:50:19 ]
แหม พลิกบ่อย ๆ ก็งงแย่สิคุณหมูแดง ไม่พลิกหรอกครับงานนี้ แบเบอร์มาเลย ขอบคุณครับที่ติดตามอ่านมาตลอด
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : Licht (Miran) - [ 1 ก.ย. 45 19:52:07 ]
ครับ เห็นเขาว่าคนเลี้ยงกุ้งนี่ก็เหมือนกับเอาเงินไปฝากให้คนอื่นเล่นไพ่ให้นะ ทำได้แค่นั่งลุ้นอย่างเดียว
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : biblio - [ 1 ก.ย. 45 21:10:51 ]
ขอบคุณจริง ๆ ครับสำหรับเพลงที่ขอไว้ทั้งสองเพลง เสียใจจังที่ยังดาวน์โหลดไม่ได้เพราะเครื่องพัง หวังว่าคงไม่มีมือดีมาบล๊อกเสียก่อนนะครับ ไม่งั้นละเสียดายแย่เลย เรื่องอเมริกันกับอิรัควิเคราะห์เสร็จเมื่อใดเอามาแบ่งกันอ่านบ้างนะครับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : Lazy Genius - [ 3 ก.ย. 45 20:05:03 ]
ขอบคุณครับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คุณ : bellissima - [ 3 ก.ย. 45 21:22:29 A:217.162.80.53 X: ] (อีกที)
เอ..ลุ้นตรงไหนหรือครับ แล้วแก้วนี่ใครหรือครับ ยังไม่ออกสักหน่อย กะว่าอีกตอนสองตอนแก้วจึงจะออก
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คุณ : bellissima - [ 3 ก.ย. 45 21:22:29 A:217.162.80.53 X: ] (อีกแล้ว)
ฮ่วย เจ้าตอบผิดกระทู้แล้วยังมาหลอกให้ข้อยตอบผิดตามไปด้วย เฮ็ดอิหยังกะด้อกะเดี้ยแท้น้อ เคยบ่อยนะที่ใจผูกพันอยู่กับอะไรมันมักจะวกไปที่นั่นโดยอัตโนมัติเสมอ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : ศุภา - [ 4 ก.ย. 45 08:59:58 A:24.94.209.67 X: ]
เป็นแฟนตัวจริงเสียงจริงอีกคนครับ มาที่ใด หนักแน่น ข้อมูลเพียบ เป็นประโยชน์และประเทืองความรู้ยิ่งนัก ยินดีตอนรับคุณศุภาเสมอนะครับ แล้วก็ขอบพระคุณสำหรับเนื้อเพลง Little things mean a lot คุณหมูแดงจ้ะน่าจะเขียนเป็นลำนำดูสักตั้งนะครับ ความหมายง่าย ๆ กินใจดีจริง ๆ เชียว เพลงนี้น่ะ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : หมอปราณ - [ 4 ก.ย. 45 16:56:45 ] (อีกที)
แหม งวดนี้คุณหมอมาช้าแต่มาแบบทวินแอ๊กชั่น มีแถม ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับที่ลงมือทำลิงค์ให้ด้วยตัวเองเลยทีเดียว มือเบ้า เบา สมเป็นหมอ เอ..แบบนี้สงสัยนักว่าคงหยิกไม่ค่อยเจ็บ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
++คุณ : APO96330 - [ 4 ก.ย. 45 17:55:33 A:203.152.14.135 X:10.10.10.104 ]
……………………..
……………..
Yours sincerely,
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



จากคุณ : แมงฯ - [ 4 ก.ย. 45 22:01:15 A:168.120.26.246 X: ]






ความคิดเห็นที่ 30


ฮ่วย ดาวน์โหลดไม่ทัน มัวแต่ชะล่าใจ โดนบล็อกไปเรียบร้อยแหล่ว

คุณบิ๊บครับ ขอโทษครับ ขอลิงค์ 2 เพลงข้างบนนี้อีกทีได้ไหมครับ ขอบคุณครับ

จากคุณ : มูโจ้ - [ 5 ก.ย. 45 10:20:09 A:203.144.143.254 X:203.144.134.235 ]






ความคิดเห็นที่ 31

พี่แมงฯ
พี่แมงฯดวงจับกังจริงๆเหรอ
ของนู๋ดวงจับฉ่าย มีอะไรในตู้ก็โยนลงหม้อต้มหมดเลย
ฮ่าๆๆๆ

ช่วงนี้นู๋งานรัดตัวฮ่ะ รีบเก็บเกี่ยวแสงแดดก่อนจะหนาวอีกครั้ง ที่นี่หน้าหนาวจะฝนตกเยอะมากตกพรำๆได้ทั้งวันนะบางที โอกาสเหมาะๆก็ตกมาเป็นหิมะ

พี่แมงฯรักษาสุขภาพด้วยนะคะ
พวกเรารออ่านตอนที่ 43 อยู่ค่ะ
หวัดดีเดอะคลับด้วยค่ะ

จากคุณ : JW - [ 5 ก.ย. 45 12:32:08 A:142.173.107.180 X: ]

ไม่มีความคิดเห็น: