วันจันทร์, สิงหาคม 18, 2551

เรื่องของฉัน ตอนที่ 33

ตอนที่ 33

ตุ่มเป็นคนอำเภอเพ็ญ อำเภอเพ็ญเป็นอำเภอที่ถูกสาป มีตำนานเล่ากันว่าเดิมทีที่เมืองเพ็ญแห่งนี้มีเจ้าเมืองซึ่งมีธิดาเลอโฉม ความสวยของนางเพ็ญร่ำลือไปในเจ็ดแคว้นแดนไกล เจ้าเมืองต่าง ๆ ล้วนมีความประสงค์ที่จะได้นางเพ็ญไว้เป็นคู่ชีวิตแต่นางเพ็ญก็มิได้ปลงใจกับชายใด ในที่สุดเจ้าเมืองต่าง ๆ ก็พากันส่งกองทัพมาย่ำยีเมืองเพ็ญเพื่อหักเอาตัวนางเพ็ญให้ได้ด้วยกำลัง นางเพ็ญเมื่อเห็นผู้คนต้องมาต่อสู้ล้มตายลงเป็นจำนวนมากเพียงเพื่อแย่งชิงตัวนางก็ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวทำลายชีวิตของตัวเสียเพื่อยุติปัญหาทั้งปวงด้วยการกระโดดจมหายลงไปในบ่อน้ำกลางเมือง เมื่อสิ้นนางเพ็ญไปเหตุการณ์ก็กลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง แต่เจ้าเมืองผู้พ่อยังเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมใจที่ต้องมาเสียลูกสาวไป จึงกล่าวเป็นวาจาสิทธิ์สาปแช่งไว้ก่อนที่จะตรอมใจตายตามพระธิดาไปว่า ต่อไปในภายภาคหน้าขอให้หญิงใดที่เกิดมาในแว่นแคว้นแห่งนี้จงอย่าได้มีรูปโฉมที่งดงามยวนใจชายแต่ให้มีแต่เพียงจิตใจเท่านั้นที่งดงามหมดจด และคำสาปนั้นก็เป็นจริง จนทุกวันนี้ผู้หญิงอำเภอเพ็ญแม้ว่าไม่สวย แต่ก็ล้วนมีน้ำใจงามทุกคน

นอกจากจะเป็นเมืองที่ไร้หญิงงามแล้ว เมืองเพ็ญซึ่งเป็นอำเภอที่อยู่ติดอำเภอเมืองห่างกันเพียงสามสิบกว่ากิโลกลับเป็นเสมือนเมืองที่ถูกลืมถูกทอดทิ้งเมื่อเทียบกับอำเภออื่น ๆ ถนนที่ตัดเข้าสู่ตัวอำเภอห่างจากถนนใหญ่อุดรหนองคายมีระยะทางประมาณสิบหกกิโลเป็นเพียงถนน รพช. ซึ่งเป็นลูกรัง มีหลุมบ่อเต็มไปหมด ถ้าเป็นหน้าฝนอำเภอเพ็ญก็แทบจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกไปเลย

บ้านของตุ่มที่พ่อแม่พี่น้องทุกคนเรียกออกเสียงเพี้ยนตามสำเนียงลาวไปเป็นตุ๋มเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวมีลักษณะเหมือนห้องแถว อยู่กลางตลาดอำเภอเพ็ญ พ่อของตุ่มเป็นอดีตครูประชาบาลชื่อ เทพ นามสกุล ทวีจันทร์ แม่ชื่อ ปัญญา ตุ่มเป็นลูกสาวคนหัวปีของพ่อเทพและแม่ปัญญา มีน้องชายและน้องสาวอีก 8 คน และยังมีพี่น้องคนละแม่อีก 7 คน รวม ๆ แล้วตุ่มจึงมีพี่น้องทั้งแม่เดียวกันและต่างแม่รวมกันถึง 15 คน ตอนใหม่ ๆ นั้นถ้าถามฉันจำได้อยู่คนเดียวคือน้องสาวคนสุดท้องตัวดำเป็นเหนี่ยงขี้มูกแห้งติดแก้มเกรอะกรัง อายุประมาณ 3 ขวบชื่อ “จิ๊ด” ที่จำได้เพราะฉงนนักที่พ่อเทพอายุตั้งหกสิบกว่าแล้วยังมีแรงมีลูกเล็กอายุไม่กี่ขวบได้อีก

จากการที่ฉันเป็นคนจำคนยากอยู่แล้วในระยะแรกจึงมีปัญหาเกี่ยวกับพี่น้องของตุ่มค่อนข้างมากด้วยจำไม่ได้ว่าใครเป็นใครเรียกคนโน้นเป็นคนนี้สับสนวุ่นวายไปหมด ฉันไม่รู้ว่าตุ่มบอกพ่อกับแม่ว่าอย่างไรแต่ทุกครั้งที่ฉันไปบ้านอำเภอเพ็ญ จะมีน้อง ๆ ยกเอาเก้าอี้มาให้ฉันนั่งเป็นเอกเทศไม่ปนกลับใคร แล้วก็พากันวิ่งหลบหายไปหลังบ้านไม่มีใครกล้ามาวอแวด้วยปล่อยให้ฉันนั่งดูคนเข้ามาซื้อข้าวซื้อของอย่างเพลิดเพลินไปคนเดียวอย่างนั้น พ่อเทพจะแวะมาคุยด้วยคำสองคำพอเป็นพิธีแล้วก็เลี่ยงไปขายของ ส่วนแม่ปัญญานั้นแทบไม่ได้คุยกันเลยพอรับไหว้ฉันแล้วแกก็จะเลี่ยง ๆ เข้าไปคุยกับตุ่มและพี่น้องอยู่หลังบ้านหลังบ้าน หากวันไหนฉันอยู่ทนจนถึงเย็น ก็จะมีกับข้าวเฉพาะคือไข่เจียวเหลืองเกรียมโปะมาบนข้าวสวย ไม่ต้องจกข้าวเหนียวกับส้มตำปลาแดกและลาบเลือดเป็ดของโปรดของพ่อเทพเหมือนคนอื่น ๆ ในบ้าน คงเป็นเพราะตุ่มที่ไปบอกคนที่บ้านว่าฉันนั้นเป็นคน “กินยาก” ข้อกล่าวหาที่ว่าฉันเป็นคน “กินยาก” นี้ได้ยินมาตั้งแต่เด็กจนแก่ หากมีโอกาสฉันจะเถียงคอเป็นเอ็นทุกครั้งไปว่าฉันไม่ใช่คน “กินยาก” แต่เป็นคน “กินง่าย“ ไม่พิถีพิถัน แค่ข้าวสวยกับไข่หนึ่งใบก็อยู่ได้แล้ว หรือถ้าไม่มีไข่จะเปลี่ยนเป็นกากหมูร้อน ๆ จะเป็นกากหมูเปล่า ๆ หรือ คั่วแห้งกับกระเทียมเจียวน้ำปลาน้ำตาลปี๊บกะให้รสหวานนำ เกลี่ยมาบนข้าวสวยร้อน ๆ หรือไม่มีอะไรเลยแค่ข้าวสวยคลุกกับน้ำปลาพริกขี้หนูบีบมะนาวก็อยู่ได้แล้ว ถึงขนาดนี้ยังจะมาหาว่าฉันเป็นคน “กินยาก” ได้อย่างไร

ด้วยความที่พ่อเทพเป็นคนขยันแม้ว่าจะเกษียณมาหลายปีแล้วก็ตามแต่ก็ยังแข็งแรงไม่ยอมกินบำนาญหลวงแต่เพียงอย่างเดียว เปิดหน้าบ้านเป็นร้านโชว์ห่วยขายของชำทุกชนิด น่าจะเหมือนกับ 7-11 สมัยนี้ ปากประตูร้านมีป้ายไม้เขียนเป็นชื่อร้านว่า "เทพศิลป์" ในร้านมีของขายทุกอย่างตั้งแต่หลอดไฟไปจนถึงสารส้ม นอกจากนั้นยังรับทำกรอบรูปอีกด้วย ของที่นำมาขายที่ร้านเป็นของที่พ่อเทพขับรถม้าสด้าแบบตรวจการณ์ที่ใช้มาหลายปีเข้าไปซื้อมาจากยี่ปั๊วในตลาดห้าแยกเมืองอุดร รถมาสด้าคันนี้เป็นรถที่ซื้อโดยน้ำพักน้ำแรงของตุ่มซึ่งออกจากบ้านไปทำงานตั้งแต่อายุ 15 มีโอกาสเรียนหนังสือจบแค่ ม.3 เท่านั้น ในขณะที่น้อง ๆ ทุกคนมีโอกาสเรียนจนจบปริญญาทั้งสิ้น

ตุ่มมาเล่าให้ฟังในภายหลังว่า จากการที่เป็นลูกคนโตที่เกิดจากแม่ปัญญา เมียคนที่สองของพ่อเทพซึ่งตกพุ่มม่ายตั้งแต่หนุ่มเพราะเมียแรกตาย นอกจากเป็นเจ้าของและผู้จัดการร้านเทพศิลป์แล้วพ่อเทพยังเป็นนักดนตรีประจำอำเภอด้วย ไม่ว่าจะเป็นแคน ปี่ชวา ทรัมเป็ต ไล่ไปจนถึงไวโอลินพ่อเทพเล่นได้หมด สมัยก่อนเวลามีงานบวช งานศพ งานวัดหรืองานประจำปีของอำเภอจะต้องจัดให้มีเวทีชกมวยขาดไม่ได้และพ่อเทพจะรับหน้าที่เป็นคนเป่าปี่เชิดมวย ทุก ๆ ครั้งที่มีมวยพ่อเทพจะต้องพาตุ่มไปนั่งฟังเสียงปี่อยู่ข้างเวทีมวยด้วย แต่แทนที่ตุ่มจะซึมซับเอาลีลาที่อ่อนไหวในมนต์เพลงปี่ชวาของพ่อเทพ กลับไปซึมซับเอาลีลาการออกอาวุธหมัดเท้าเข่าศอกแม่ไม้มวยไทยของนักมวยมาจนเต็มที่

หลังจากตุ่มเกิดก็มีน้อง ๆ เกิดติดตามมาอย่างกระชั้นชิดแบบหัวปีคนท้ายปีคน ด้วยรัฐบาลในสมัยนั้นสนับสนุนให้ประชาชนโดยเฉพาะข้าราชการมีลูกมาก ๆ พ่อเทพซึ่งเป็นครูประชาบาลมีหน้าที่ต้องสนองนโยบายของทางราชการในเรื่องนี้ จึงเร่งมือผลิตลูกเป็นการใหญ่ เมื่อตุ่มซึ่งเป็นลูกคนโตเรียนจบประถมสี่จากโรงเรียนประถมศึกษาประจำอำเภอ พ่อเทพจึงตัดสินใจส่งลูกสาวให้ไปเรียนต่อยังโรงเรียนสตรีราชินูซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาเฉพาะสตรีประจำจังหวัดและเพื่อตัดปัญหาเรื่องการเดินทางที่ไม่สะดวก ตุ่มจึงต้องขนของย้ายออกจากบ้านที่อำเภอเพ็ญไปอยู่กับพี่สาวของพ่อเทพชื่อ นารถ หรือที่ตุ่มเรียกติดปากว่า "คุณป้านารถ" ที่บ้านห้าแยกเมืองอุดรตั้งแต่เริ่มเรียน ม. 1 เป็นต้นมา

แต่จากจำนวนน้อง ๆ ที่คลานตามกันออกมาอย่างไม่ขาดสายทำให้การกินอยู่ในครอบครัวทวีจันทร์เริ่มฝืดเคือง ตุ่มนั้นแม้ว่าจะเป็นเด็กก็รู้สึกได้ถึงความลำบากของพ่อเทพในการที่จะส่งเสียให้ลูกทุกคนได้เรียน หากตุ่มเลือกที่จะเรียนก็หมายความว่าจะต้องมีน้องคนหนึ่งคนใดหรือหลายคนที่จะไม่ได้เรียน ทั้ง ๆ ที่เป็นเด็กเรียนดีแต่ตุ่มก็แจ้งความจำนงกับพ่อว่าจะขอเป็นฝ่ายเลิกเรียนเพื่อเปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้เรียนกันบ้าง ก็พอดีเป็นจังหวะที่น้องของแม่ปัญญาอีกคนหนึ่งชื่ออำนวย ทำงานอยู่ที่สโมสรนายทหารในแคมพ์มาชักชวนให้ตุ่มเข้าไปทำงานคำทัดทานของพ่อเทพที่ให้ตุ่มเรียนต่อจึงตกไป งานแรกที่ “น้านวย” พาตุ่มไปฝากให้ทำคือเป็นเด็กเสิรฟ์ใน เอนซีโอ คลับ ที่นี่เองเป็นที่ซึ่งตุ่มเริ่มหาเงินได้ด้วยตัวเอง นอกจากผลตอบแทนในรูปของเงินเดือนที่ดูเหมือนว่ามากมายนักในสมัยนั้นแล้ว ยังมีเงินทิปซึ่งได้จากทหารจีไออย่างง่าย ๆ แต่เป็นกอบเป็นกำอีกด้วย

จากเงินที่ตุ่มหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของเด็กวัย 15 ย่าง 16 นี้เองที่ทำให้ร้านเทพศิลป์เริ่มมีเงินทุนหมุนเวียนคล่องตัวขึ้น พ่อเทพสามารถซื้อของมาเพิ่มได้ในปริมาณและจำนวนที่มากขึ้นตามไปด้วย การค้าขายก็เริ่มมีกำไร ในภายหลังน้อง ๆ ทั้ง 6 คนจึงได้เรียนจนจบปริญญามีงานทำดี ๆ กันทุกคน

ตุ่มเป็นเด็กมีอายุน้อยที่สุดในพวกที่ทำงานที่เอนซีโอด้วยกัน จึงได้รับความเอ็นดูจากเพื่อนรุ่นพี่เสมอมาประกอบกับการที่ตุ่มทุ่มเทให้กับงานอย่างหนักด้วยความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะหาเงินให้มากที่สุด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนจะเห็นตุ่มจะรับจ้างควงเวรเป็นประจำ ทนง่วงไม่ไหวก็จะแอบงีบตามหลังเค้าเตอร์บาร์แก้ขัดเอาบ้าง และด้วยความที่ตุ่มนั้นขึ้นชื่อลือชาในเรื่องความเป็นผู้หญิงใจเด็ด ไล่เตะต่อยกับเด็กผู้ชายลูกแกวในตลาดมาตั้งแต่เล็กจนโต คนทั้งตลาดในตัวอำเภอไม่มีใครไม่รู้จัก จนเข้าทำงานก็ยังคงความเป็นนักเลงโตแต่ตัวเล็ก ฝรั่งพูดไม่เข้าหูหรือเมามาทำเกาะแกะเป็นถูกทุบถูกชกไปทุกคน ที่ว่าชกนี้ชกจริงเข้าปากครึ่งจมูกครึ่งเลือดกลบปากไปหลายราย รายสุดท้ายที่โดนชก เป็นนิโกรเมาแล้วมาเกาะแกะกับตุ่มเหยียดหยามหญิงไทยว่าไอมีแค่ห้าร้อยบาทจะเลือกนอนกับผู้หญิงไทยคนไหนก็ได้ เล่ากันว่านิโกรพูดยังไม่ทันขาดคำ ไอ้ตุ่มก็ทิ้งถาดที่มีแก้วเปล่าอยู่หลายใบลงพื้นดังโครมแล้วซัดด้วยฮุกขวาเข้าเต็มห้องเครื่องนิโกรตัวเท่าตึกล้มลงไปกองบิดอยู่กับพื้นพอมันหายจุกลุกขึ้นมาได้ก็รี่เข้ามาจะเข้ามาบีบคอไอ้ตุ่มซึ่งไม่หนีไปไหนถกกระโปรงตั้งการ์ดรัดกุมเตรียมรับมืออยู่ เดือดร้อนถึงทั้งฝรั่งทั้งไทยต้องหยุดกินหยุดขายหยุดดื่มหันมาห้ามมวยกันเป็นแถว สุดท้ายเรื่องถึงจ่ากองร้อย ปรากฏว่านิโกรปากเสียคนนั้นถูกจับขังเสียเจ็ดวันก่อนที่จะถูกส่งตัวกลับประเทศไปก่อนกำหนด

จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น เพื่อน ๆ และเจ้านาย เห็นว่าปล่อยให้เสริฟ์ต่อไปคงจะมีสักวันหนึ่งที่ตุ่มจะต้องถูกสวนกลับจะช้ำในตายตั้งแต่เด็กเสียเปล่า ๆ เลยรวมหัวกันเลื่อนตำแหน่งให้ตุ่มขึ้นไปทำหน้าที่เป็นแค้ชเชียร์ ทำงานเป็นแค้ชเชียร์ที่เอนซีโอคลับได้ประมาณสามปี ตุ่มก็ได้ข่าวจากเพื่อนรุ่นพี่ว่าธนาคารเชสต้องการรับสมัครเทลเลอร์ จึงรีบไปสมัครเพราะเงินเดือนดีกว่า ไม่ต้องทำงานเป็นกะและที่สำคัญคือไม่ต้องชกกับนิโกรอีกต่อไป ทีแรกก็เกือบไม่ได้ทำงานที่เชสเพราะขณะไปสมัครเข้าทำงานนั้นตุ่มมีอายุเพียงสิบเก้าปี ตามระเบียบแล้วพนักงานธนาคารจะต้องมีอายุยี่สิบปีขึ้นไป ตุ่มเล่าให้ฟังว่าต้องไปปะเหลาะลูบหลังลูบไหล่พนักงานธุรการชื่อวิรัชต์แทบแย่ให้ช่วยหลอกฝรั่งโกงอายุให้จึงได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงานเป็นเทลเลอร์เบอร์ 20 ในที่สุด
(มีต่ออีกนิดอยู่ข้างล่าง)
จากคุณ : แมงกะพรุน - [30 มิ.ย. 45 01:47:29 A:203.107.150.143 X:]
--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 1
เรื่องใจเด็ดของตุ่มนี้ฉันเจอเข้ากับตัวเองตั้งแต่ตอนเริ่มคบกันใหม่ ๆ ที่อุดรในสมัยนั้น ปืนเถื่อนเป็นอะไรที่หาได้ง่ายและมีราคาถูก นับตั้งแต่ปืนสั้นประเภทกิ๊บเก๋เช่นบาเร็ตต้า หรือพวกปืนสั้นใช้งานเช่นสมิทแอนด์เวสสั้น .38 หรือ โคลท์ .357 ไปจนถึงไรเฟิลออโตเมติก เอ็ม 16 หรือ เอ เค โฟร์ตี้เซเว่น (อาร์ก้า) นอกจากตุ๊ว๊ากที่เป็นนักเลงปืนสะสมปืนต่าง ๆ ไว้มากมายแล้ว คนที่ทำงานในแคมพ์ส่วนใหญ่ก็มักจะมีปืนเถื่อนพกติดตัว ติดรถ หรือเก็บไว้ที่บ้านคนละกระบอกสองกระบอกเพื่อไม่ให้น้อยหน้ากันทั้งสิ้น ที่เห็นไม่มีปืนกับใครเขาสักทีก็คงจะมีแต่ทวีเท่านั้น

ส่วนฉันนั้นพอไปอยู่อุดรได้เดือนสองเดือน ตุ๊ไมตรีก็เอาจุด 38 ค๊อบบร้าลำกล้องสองนิ้ว มาให้ดูกระบอกหนึ่ง ฉันเห็นว่าเป็นปืนใหม่น่าจะยังไม่เคยถูกใช้ยิงใครมาก่อนอีกทั้งราคาก็ไม่แพงเลยรับไว้ ส่วนมากจะเก็บซุกไว้ในตู้เสื้อผ้า หากรู้ตัวว่าจะไปแปลกที่แปลกถิ่นก็จะพกไปสักที ซึ่งก็ได้ผล ครั้งหนึ่งไปกินเหล้ากับพรรคพวกที่บ้านเพื่อนของเพื่อนที่ไม่สนิทกันนักแถวหนองบัวลำภู ในวงเหล้ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งไม่เคยเห็นหน้า พอเมาได้ที่ก็เริ่มอวดฤทธิ์เดชความเก่งกล้าต่าง ๆ ของตัวเอง ฉันเป็นคนที่เพื่อน ๆ รู้ดีว่าหากมาต่างถิ่นต่างวงแล้วจะไม่ค่อยพูด คืนนั้นก็เช่นกันฉันนั่งกินเหล้าไปเงียบ ๆ ฟังคนอื่นคุยกัน ไอ้หนุ่มคนนั้นคงเห็นว่าฉันหน้าจืด ๆ ก็เลยลุกมานั่งข้าง ๆ แล้วเริ่มวอแว ด้วยการถามโน่นถามนี่บ้าง รินเหล้าเติมให้บ้าง การรินเหล้านี้เป็นอะไรที่นักกินเหล้าถือกันนักหนา ถ้าไม่สนิทรู้ใจกันจริงแล้วจะไม่รินเหล้าให้กันเป็นเด็ดขาด เพราะเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี หากจะหาเรื่องกันจริง ๆ ไม่ว่าจะรินมากไปหรือน้อยไปก็จะถือว่าดูถูกหรือประชดคอกันได้ทั้งสิ้น ไอ้หนุ่มนั่นเห็นฉันยังนั่งเฉยไม่ว่าอะไรก็เลยรุกคืบด้วยการโอบไหล่ลูบหลังฉันเล่น ลูบไปลูบมาไปสะดุดเอาจุด 38 ที่ฉันพกเอาเสื้อคลุมไว้ที่เอวด้านหลังเข้า เห็นมันสะดุ้งหายเมาไปเกือบครึ่ง เมื่อฉันหันไปยิ้มและยักคิ้วให้ มันก็รีบยกมือไหว้ฉันทีหนึ่งแล้วก็ลุกออกจากวงหายจ้อยไปเลย

นับตั้งแต่ฉันได้ปืนกระบอกนี้มา จำได้ว่าเคยยิงขึ้นฟ้าไปนัดหรือสองนัดเท่านั้น ในความรู้สึกว่าเสียงมันดังมาก ดังหนัก ๆ ทึบ ๆ น่ากลัวอย่างไรชอบกล นอกจากนั้นเวลาว่าง ๆ ก็จะเอาออกมาถอดเช็ดชะโลมน้ำมันบ้างเป็นครั้งเป็นคราว มีอยู่วันหนึ่งขับรถไปบ้านอำเภอเพ็ญกับตุ่มสองคน ฉันเอาปืนไปด้วยเสียบไว้ข้างเบาะรถวิ่งเข้าไปตามทางเข้าอำเภอได้ประมาณ 2-3 กิโลเมตร สองข้างทางเป็นทุ่งนา เวิ้งว้างตุ่มสะกิดขอให้ฉันจอดรถข้างทางแล้วพูดสั้น ๆ ว่า "ขอลองหน่อย" แล้วเอื้อมคว้าเอาปืนออกไปยืนนอกรถก่อนที่จะยิงรัวข้ามทุ่งนารอบเดียวหมดเกลี้ยงลูกโม่ทั้งห้านัด
ในวันรุ่งขึ้น ฉันรีบบอกขายปืนกระบอกนั้นทิ้งไปทันทีแม้ว่าจะขาดทุนไปหลายสตางค์ก็ตาม
จากคุณ : แมงกะพรุน - [30 มิ.ย. 45 01:49:05 A:203.107.150.143 X:]

ความคิดเห็นที่ 2
เอิ๊กกกกก...... เสือโป๋ สิ้นลายก็คราวนี้แหละหนอ สาวตุ่มห้าวอย่าบอกใคร เพ่ ไอ้เรื่องกินยากกินง่ายของเพ่น่ะ ถ้าไม่มีไอ้ไข่เจียวร้อนๆ หรือ กากหมูเจียวกระเทียม(ต้องหวานน้ำตาลปี้บด้วยนะเอ้อ) เพ่จะแตะอย่างอื่นป่าว อย่างงี้ต้องจับมาอยู่ไกลบ้านซะให้เข็ด หยอกกันเล่นนะคะ บุญรักษาค่ะ
จากคุณ : bellissima - [30 มิ.ย. 45 03:16:09 A:217.162.80.203 X:]

ความคิดเห็นที่ 3
มาลงชื่ออ่านก่อน ต้องออกไปเที่ยวกับเพื่อนน่ะ วันเนี้ย....
จากคุณ : Jw - [30 มิ.ย. 45 04:41:25 A:142.173.107.180 X:]

ความคิดเห็นที่ 4
นางเอกทั้งดี ทั้งเก่ง น่ารักจัง
จากคุณ : ธราธร - [30 มิ.ย. 45 07:54:39 A:194.80.32.11 X:10.38.40.120]

ความคิดเห็นที่ 5
อ้าว....ยิงหมดลูกโม่ได้ แล้วขายเลยหรือครับ สงสารปืนจัง ^_^
จากคุณ : GTW - [30 มิ.ย. 45 08:02:07 A:202.133.172.196 X:]

ความคิดเห็นที่ 6
ตุ่มนี่ เก่งทั้งบุ๋น ทั้งบู๊เลย....แถมท่าทางต้องยิงปืนเก่งแน่เลย พี่แมงกะพรุนเลยรีบขาย ปืนไปอย่างรวดเร็วอย่างนั้น อิอิ
จากคุณ : T.time - [30 มิ.ย. 45 09:44:35 ]

ความคิดเห็นที่ 7
ตามมาอ่านครับ รู้สึกดีๆที่ได้อ่าน ทุกคราไป ต้องตามย้อนรอยอดีต ตามลิงค์ ต่างๆ ที่ คุณ Chelsey เธอ
กรุณาทำไว้ให้ ค่าที่เป็นเด็กภาคอีสานเลยพอจะนึกภาพตามเรื่องออกอยู่เนาๆ ถึงแม้จะคนละยุคสมัยก็เหอะ
จากคุณ : เด็กช่างฯ - [30 มิ.ย. 45 10:06:28 ]

ความคิดเห็นที่ 8
โอ้ว นางเอกเรานี่ยอดเยี่ยมค่ะ เก่งทั้งบุ๋น บู้ ได้เป็นคู่นี่ไม่ต้องกลัวเลย
จากคุณ : Licht (Miran) - [30 มิ.ย. 45 18:41:24 ]

ความคิดเห็นที่ 9
มาลงชื่อช้าหน่อยวันนี้ เพราะมัวแต่หลบลูกปืนค่ะ.คุณแมงฯทำให้คิดถึงกากหมูเจียวใหม่ๆจิ้มน้ำปลาธรรมดา นี่แหละสมัยโน้น อร่อยมากแล้วสมัยนี้ ของอะไรที่อร่อยลิ้นก็ไม่ดีต่อร่างกาย ของดีต่อร่างกายก็ไม่อร่อยต่อลิ้น
ขอคุณพระคุ้มครองสุขภาพค่ะ
จากคุณ : ปราณ - [30 มิ.ย. 45 20:17:16 ]

ความคิดเห็นที่ 10
อิอิอิ ขายปืนเพราะอะไรเอ่ย...อยากรู้..อยากรู้ กว่าตุ่มไปยิงใครหรือ .....กลัวตัวเองจะไม่ปออดภัยด้วยหรือเปล่า? พูดเล่นนะคะ สนุกจัง
จากคุณ : นายน้อง - [1 ก.ค. 45 06:11:17 A:203.113.51.100 X:]

ความคิดเห็นที่ 11
เอ .. แล้วทำไมรีบขายปืนล่ะคะ? ฮิ ฮิ
จากคุณ : scottie - [1 ก.ค. 45 08:21:17 ]

ความคิดเห็นที่ 12
ตอนนี้...นางเอกล้วนๆเลยนะครับ บู๊ซะ...สนั่นจอ เล่นเอาพี่แมงกะพรุนต้องบู๊ตามบ้าง ผมก็สงสัยเช่นกัน ว่าทำไมรีบขายปืนซะล่ะครับ...
จากคุณ : พิจิก27 - [1 ก.ค. 45 12:43:24 ]

ความคิดเห็นที่ 13
โฮ่ ๆๆๆ นางเอกเจ๋งจริง ๆ ซะด้วย เล่นปืนซะหมดลูก พี่แมงกะพรุนไม่น่ารีบขาย เก็บไว้อาจจะมีอะไรมาเล่าให้น้อง ๆ ฟังอีกก็ได้นะคะ เอิ๊กส์ ปล. ขอบคุณสำหรับกลอนในกระทู้ที่แล้วด้วยค่ะ หวานจริง ๆ เลย ^^
จากคุณ : Clear Ice - [1 ก.ค. 45 19:59:53 ]

ความคิดเห็นที่ 14
++คุณ Clear Ice:
จะเรียกว่ากลอนได้ไหมเนี่ย ที่จริงเป็นเนื้อเพลงที่จำได้ติดใจตั้งแต่หนุ่มจนแก่ "อันทิลอิดสไทม์ ฟอร์มีทูโก" เวอร์ชั่นที่ร้องโดย เอลวิส เพรสลี่ นักร้องอมตะที่ตัวตายไปตั้งเกือบยี่สิบปียังมีเพลงกลับมาติดอันดับหนึ่งได้อีก หมอปราณอ่านแล้วถึงขั้นทนไม่ได้ต้องลุกขึ้นหาแต่ไปเจอเอาเวอร์ชั่นของวิกกี้ คาร์ แทนก็ยังดี แฮ่ม
++คุณพิจิก27
สมัยเด็กเคยฟังการถ่ายทอดฟุตบอบไทยกับพม่าจากสนามศุภฯ ไหมครับ สมัยนั้นคนพากย์ยังไม่เก่งเหมือนเดี๋ยวนี้ คนเล่นในสนามตั้งยี่สิบกว่าคนรวมกรรมการและผู้ช่วย จำชื่อกันได้หมด จริงบ้างมั่วบ้างก็ยังดี เวลาพม่าได้ลูกบุกเข้ามาในแดนไทย คนพากย์จะพากย์ว่า "พม่าเลี้ยงลูกเข้ามา พม่าเลี้ยงลูกเข้ามา ไทยวิ่งเข้าไปแย่ง แย่งยังไม่ได้ พม่าเลี้ยงลูกเข้ามา ไทยวิ่งเข้าไปแย่ง แย่งได้แล้วครับ พม่าวิ่งเข้ามาแย่งอีก....ไทยเห็นท่าไม่ดี...เตะลูกออกข้างสนามไปเลย
++คุณ Scottie:
ไทยเห็นท่าไม่ดี...เตะลูกออกข้างสนามไปเลย
++คุณ "นายน้อง"
ไทยเห็นท่าไม่ดี...เตะลูกออกข้างสนามไปเลย
++คุณ เจ:
ตุ่มฝากมาบอกว่า "ขอบคุณ" ครับ เออ..หนีไปเที่ยวไหนมา สนุกมั๊ย ไม่เห็นเล่าสู่กันฟังบ้างเลย
++คุณหมอปราณ:
เรื่องกินนี่ หมอกับแมงฯ ผิดใจกันมาหลายรายแล้วครับ แบบว่าขอกินตอนเป็น ๆ ดีกว่า กลัวว่าตายไปแล้วที่ใคร ๆ ใส่บาตรไปให้..จะไม่ถึง ขอบคุณสำหรับพรครับ ขอให้คุณพระรักษาคุณหมอเช่นกัน
++คุณ Licht (Miran)
ไม่ต้องกลัวได้อย่างไร กลัวซะไม่เมียะ
++คุณเด็กช่างฯ
บรรยากาศและวัฒนธรรมในจังหวัดต่าง ๆ ที่อเมริกันไปตั้งฐานทัพอยู่ในสมัยนั้นมันผสมผเสปนเปกันอย่างบอกไม่ถูก
ฝรั่งก็เห็นว่าอะไร ๆ มันแปลกไปหมด คนไทยก็เห็นว่าอะไร ๆ มันแปลกไปหมด ฝรั่งที่ถูกส่งมาอยู่เมืองไทย หรือ ผ่านมาเที่ยวเมืองไทย อยู่ในอารมณ์และบรรยากาศที่สนุก เพราะไม่ต้องรบกับแกว คนไทยยิ่งสนุกกันใหญ่เพราะได้สตางค์จากฝรั่ง
++คุณ T.time:
ถามจริง..คนขี่ม้าพยศกับม้าพยศ เนี่ย อะไรเก่งกว่ากัน
ตอบจริง..ให้ไปถามคนขี่อีกที..ตอนตกมากองอยู่กับพื้น
++คุณ GTW:
ที่นี้รู้หรือยังล่ะครับ..ว่า "อะไร"
ที่น่ากลัวกว่า "มีดในมือเธอ"
++คุณ ธราธร:
รับฝากคำชมที่ว่า ทั้งเก่ง ทั้งดี ทั้งน่ารัก ไว้ก่อน โปรดติดตามอ่านต่อไป เปลี่ยนใจจะเอาคำไหนคืนเมือไหร่..วานบอก
++คุณ bellissima:
กินง่ายหมายถึงคนทำให้กินง่ายไง สมัยเด็กพอจะเลือกเข้าหน่อยแม่จะว่า "มีช้างจะกินม้า" แต่ส่วนใหญ่ก็จะทำให้กินทุกที จะให้กินเฉย ๆ ก็กลัวจะเสียเหลี่ยม มีการกำชับเสียอีกว่า "กินให้หมดนะ..ไม่งั้นโดนละเลงหัว" 'หยองมั๊ย
ขอบคุณสำหรับพรครับ ขอให้บุญรักษาคุณ bellissima เช่นเดียวกัน
จากคุณ : แมงกะพรุน - [2 ก.ค. 45 04:40:15 A:203.107.150.200 X:]

ความคิดเห็นที่ 15
ค่อยๆ กระมิดกระเมี้ยนเข้ามาอ่านอย่างเรียบร้อย ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นอะไรมากค่ะ กลัวโดนส่อง แหะ แหะ
จากคุณ : O-HO - [2 ก.ค. 45 14:04:13 ]

ความคิดเห็นที่ 16
++คุณโอ้โฮ:
โล่งใจไปอีกที..มีอยุดสามวัน คิดว่าทิ้งกันเสียแล้ว
จากคุณ : แมงกะพรุน - [2 ก.ค. 45 16:30:52 A:203.107.144.166 X:]

ความคิดเห็นที่ 17
ผมก็แฟนคลับคุณแมงกะพรุนคนนึง แต่ไม่ได้ลงชื่อครับ ช่วงแรกผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า "อะไรมันจะสยองกว่ามีดในมือเธอ" ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วครับ
จากคุณ : ken กลัวปืน - [3 ก.ค. 45 09:30:26 A:203.144.251.90 X:]

ความคิดเห็นที่ 18
เอ ผมจำผิดเองหรือเปล่าหนอ เพลงของเอลวิสเพลงนี้ชื่อ "อันทิลอิดสไทม์ ฟอร์ยูทูโก" ไม่ใช่หรือครับ รบกวนพี่แมง คอนเฟิรม์ อีกครั้งด้วยครับ ขอโทษด้วยครับถ้าผมจำผิดไม่ชอบเพลง "อะ ลิทเทิ้ล เลส คอนเวอเชวั่น" ที่ขึ้นอันดับ 1 ในอังกฤษเลยครับ รู้สึกว่ามันไม่ใช่เอลวิส ทำลายเสน่ห์ของเอลวิสไปหมดเลย น่าเสียดายแท้ๆ ไม่รู้ดังได้ไง
จากคุณ : มูโจ้ - [3 ก.ค. 45 16:06:19 A:203.144.143.254 X:203.144.134.69]

ความคิดเห็นที่ 19
พวกเรารออ่านตอน 34 อยู่นะคะพี่แมงกะพรุน หวังว่าสบายดีนะคะ ป่าวเร่งนะคะ มาส่งกำลังใจต่างหาก แหะๆๆๆๆ
จากคุณ : JW - [4 ก.ค. 45 03:18:58 A:142.173.107.180 X:]

ความคิดเห็นที่ 20
มาอ่านช้าหน่อยเพราะยุ่งซะ แต่สนุกจริงๆเลย แหม.. นางเอกแบบนี้หมูแดงชอบจัง บู๊สะบัด ตอนนี้ยังบู๊แบบนี้อยู่อีกหรือเปล่าเอ่ย
จากคุณ : หมูแดงจ้ะ - [4 ก.ค. 45 06:57:57 ]

ความคิดเห็นที่ 21
คุณแมงกะพรุน คุณเป็นคนพิเศษจริงๆ อัจฉริยะทางความคิดมากๆ ในวันนี้ผู้คนบางคนใช้ชีวิตด้วยความคุ้นชิน ไม่ได้ฝึกใช้จิตสำนึกให้ออกมาให้เกิดประโยชน์ ขอเป็นผู้ร่วมเดินทางด้วยนะ
จากคุณ : DY - [4 ก.ค. 45 11:37:19 A:210.4.147.150 X:]

ความคิดเห็นที่ 22
^_^ Good life. So envy...
จากคุณ : Lazy Genius - [5 ก.ค. 45 01:52:48 A:194.247.73.28 X:]

ความคิดเห็นที่ 23
++คุณ Lazy Genius:
Thanks, I'll take that as a compliment.
++คุณ DY:
ขอบคุณและยินดีต้อนรับผู้ร่วมเดินทางคนใหม่ครับ
++คุณหมูแดงจ้ะ
ยังบู๊เหมือนเดิมครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาขว้างของ ขว้างคนอื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกตัวเองนั้นแม่นมาก แต่ขว้างฉันทีใดไม่โดนสักที ไม่ใช่ไม่แม่น แต่ตัวเป้าหลบเก่ง
++คุณ JW:
แอ่น แอ้น..มาแล้วจ้ะ ขอบคุณที่เป็นห่วง แค่เพลีย ๆ ยังไหว
++คุณมูโจ้:
แบบว่า Self centered ไง เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง สารภาพว่าชื่อเพลงที่ถูกต้องคือ Until it's time for you to go (Buffy Sainte-Marie) ที่ฟังคลออยู่ตอนนี้เล่นจาก Album "From the heart" ของ BMG Records (UK) เรื่องเพลง อะลิเติลเลสคอนเวเซชั่น นั้นคงเป็นเรื่องนานาจิตตังนะครับ บางคนไม่ชอบ บางคนฟังปุ๊บชอบไว้ก่อน เพราะเหมือนกับได้พบเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบกันมาตั้งนานนนนน
++คุณ Ken (กลัวปืน)
ที่จริงปืนไม่ได้เป็นอะไรที่น่ากลัวหรอกครับ คนที่ถือมันอยู่ในมือต่างหาก..ที่น่ากลัว
จากคุณ : แมงกะพรุน - [5 ก.ค. 45 03:00:49 A:203.107.150.32 X:]

ไม่มีความคิดเห็น: