วันจันทร์, สิงหาคม 18, 2551

เรื่องของฉัน ตอนที่ 32

ตอนที่ 32

หน้าที่การงานในความรับผิดชอบของฉันที่อุดรมีปัญหาน้อยมากเพราะงานที่ทำเป็นงานที่มิได้มีความซับซ้อน อีกทั้งยังเป็นงานที่ทำด้วยความสนุกจึงเป็นงานที่ทำแล้วมีความสุข ทำแล้วจบไปเป็นวัน ๆ ไม่มีอะไรคั่งค้างให้รกหัว และจากการที่ฉันเป็นคน "กรุงเทพ" จึงได้รับการยอมรับยำเกรงจากเพื่อนพนักงานเกือบทั้งหมด อนึ่ง อิทธิพลของ เด่นชัย ซึ่งถือกันว่าเป็น "เซ็คกั้นอินคอมมานด์" หรือผู้ใหญ่อันดับสองของสาขารองจากผู้จัดการสาขาในขณะนั้นคือ มร.ฮีลี่ ก็มีส่วนทำให้พนักงานทุกคนยอมรับนับถือฉันอย่างรวดเร็ว

พนักงานที่สาขาอุดรในขณะนั้นจำได้ว่ามียี่สิบกว่าคน ส่วนใหญ่เป็นเทลเลอร์ซึ่งมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ที่เห็นว่าสวยเฉี่ยวเตะตามีอยู่คนเดียวชื่อเพลินพิศ กับอีกคนชื่อนิ่มนวล สวยเย็นนิ่มนวลสมชื่อแต่ทั้งคู่ก็แต่งงานมีครอบครัวไปกันหมดแล้ว นิ่มนวลนั้นมีนิสัยติดตัวแก้อย่างไรก็ไม่หายอยู่อย่างหนึ่งที่ฉันเห็นว่าแปลกคือเวลาเผลอเป็นต้องดึงผมตัวเองออกมาเป็นกอง ๆ ดึงจนผมข้างหน้าบางจ๋อยจนเห็นได้ชัดเจน แม้ว่าจะผมบางและมีลูกถึงสองคนแล้วแต่นิ่มนวลก็ยังสวย สวยเย็น ๆ อย่างไรก็ไม่รู้ อธิบายไม่ถูก นอกนั้นมีเหลือเป็นสาวโสดอยู่อีกสองคนที่ไอ้พวกปากบอนก็พากันเอาไปนินทาลับหลังว่าเป็นพวกค้างสต๊อกขายไม่ออก คนแรกชื่อ แดง สมใจ มีรูปร่างท้วมกลมป้อมไปทั้งตัวเวลายิ้มจะมองไม่เห็นลูกตา เลยได้รับฉายาเป็นชื่อเล่นว่า "ไอ้หยี" คนที่สองชื่อเยาวดี อายุน้อยที่สุดในเค้าเตอร์ เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ซอยผมสั้น ตัวดำ ๆ ขาแข้งมีลวดลายจากแผลเป็นประเภทยุงกัดน้ำเหลือเสียในวัยเด็ก แถมยังด่าเก่งเป็นไฟ จุดเด่นที่เห็นจากการมองโดยผิวเผินมีเพียงอย่างเดียวคือนัยตาที่สุกใสเป็นประกายวาวแววอยู่เสมอ

นางสาวเยาวดีมีชื่อเล่นว่า ตุ่ม ทั้งแบงค์เรียกกันอย่างสนิทปากว่า “ไอ้ตุ่ม” เป็นผู้หญิงที่กระโดกกระเดก ห้าวไม่ยอมคนและมีใจเป็นนักเลงเหมือนผู้ชาย จึงมีบ่อยครั้งที่ทุกคนเกือบจะลืมว่าไอ้ตุ่มนั้นเป็นผู้หญิงและยังเป็นสาว เวลาจะคุยเรื่องลามกอนาจารจากวีรกรรมที่ไปก่อกันไว้เมื่อคืนก่อนเพื่อรอเวลาเปิดแบงค์ก็มักจะใส่กันแบบไม่ยั้ง พวกผู้หญิงที่แต่งงานแล้วก็ไม่เท่าไหร่เพราะพอจะรู้เบาะแสที่มาที่ไปของเรื่องที่ไอ้พวกนั้นมันถกกันว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง แต่ไอ้ตุ่มกับไอ้หยีซึ่งเป็นเด็กสาวเพียงสองคนในเค้าเตอร์ยังไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ไอ้หยีนั้นไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาอย่างมากก็แค่อายม้วนไปม้วนมา แต่ไอ้ตุ่มไม่งั้นมีบ่อยครั้งที่มันตะโกนตัดบทขึ้นว่า “พูดเรื่องอะไรกัน เกรงใจกันหน่อยสิวะ ฟังไม่รู้เรื่องโว้ย”

เรื่องขาลายเป็นอะไรที่ไอ้ตุ่มจะถูกล้อเลียนเป็นประจำแม้ว่าคนล้อจะถูกด่าเปิงไปทุกครั้งก็ตามแต่คนก็ยังเห็นเป็นเรื่องสนุกที่สามารถแหย่ให้ไอ้ตุ่มด่าเอาได้ ตอนไปใหม่ ๆ ฉันก็โดนเข้าจัง ๆ ครั้งหนึ่ง คือเทลเลอร์ชื่อประสพซึ่งเป็นคนที่พูดสำเนียงนิโกรได้เหมือนมากที่สุดคนหนึ่งในแบงค์มาหลอกฉันให้ไปดูนาฬิกาที่ไอ้ตุ่มผูกไว้ที่ขา ฉันก็พาซื่อไปก้มดูขาไอ้ตุ่มใต้เค้าเตอร์ไม่เห็นมีนาฬิกาแต่กลับถูกไอ้ตุ่มด่าเอาจนเกือบเสียผู้เสียคนไปเลย

แรก ๆ ฉันก็เห็นไอ้ตุ่มเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมงานธรรมดาไม่มีอะไรเป็นพิเศษไปกว่าคนอื่น ๆ จนกระทั่งในวงเหล้าคืนหนึ่งพอกำลังเมากันได้ที่ อยู่ ๆ เด่นชัยได้เปิดหัวข้ออภิปรายขึ้นมาว่า “กุว่าไอ้ตุ่มมันเป็นทอมว่ะ” วงเหล้าในคืนนั้นจึงแตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายเสนอก็ว่าไอ้ตุ่มเป็นทอมแน่นอนพร้อมกับยกตัวอย่างเหตุการณ์บู๊โลดโผนต่าง ๆ นานาในอดีตที่ผ่านมาของไอ้ตุ่มขึ้นสนับสนุน ส่วนฝ่ายค้านซึ่งรวมถึงฉันด้วยนั้นเห็นว่าไอ้ตุ่มไม่น่าจะเป็นทอม เพราะอย่างน้อยมันก็แต่งตัวเป็นผู้หญิงและถ้าสังเกตให้ดียังพอมีแววอ่อนหวานของเพศหญิงปนเปอยู่บ้าง เถียงกันไปเถียงกันมาอีท่าไหนก็ไม่รู้ ไอ้เด่นก็ท้าขึ้นอย่างกับมีการเตี้ยมกันไว้ก่อนว่าถ้าเห็นว่าไอ้ตุ่มไม่ใช่ทอมก็ให้ฉันจีบดู ถ้าจีบไม่สำเร็จโดนด่าหน้าแหกกลับมาก็จะเสนอให้ที่ประชุมลงมติเป็นที่ยุติว่ามันเป็นทอม ถ้าเกิดจีบสำเร็จพวกมันจะพากันลงขันเลี้ยงโต๊ะจีนฉันหนึ่งโต๊ะใหญ่ ความเมาหรือด้วยความคะนองหรืออะไรที่ฉันเองก็ยังไม่รู้จนกระทั่งทุกวันนี้ ที่ดลใจให้ฉันรับคำท้าแห่งโชคชะตานั้นไปโดยมิได้ลังเลเลย

จากนั้นเป็นต้นมา พวกเพื่อน ๆ ก็เริ่มแผนปฏิบัติการกันทันที โดยพวกที่ถือหางข้างฉันคนหนึ่งชื่อชัยวัฒน์ ซึ่งเป็นคนกรุงเทพแต่ไปได้เมียเป็นคนอุดร ปกติชัยวัฒน์ซึ่งรูปหล่อขาวละม้ายคล้ายและไว้ผมทรงเอลวิสจะไม่ค่อยพูดค่อยจาโดยไร้สาระกับใคร แต่งานนี้ ชัยวัฒน์ลงทุนเป็นพ่อสื่อตัวเป้าคอยรายงานความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของฉันให้เข้าหูไอ้ตุ่มอยู่อย่างสม่ำเสมอ ในขณะเดียวกันกองเชียร์อีกฝ่ายหนึ่งก็เร่งรัดให้ฉันเริ่มปฏิบัติการโดยวางแผนให้ฉันทำหน้าที่ออก "คัดไลน์" คือการตัดแถวทหารที่มาใช้บริการหลังปิดทำการชั่วโมงปกติทาง "เอ้าท์ไซท์วินโด้" ซึ่งเป็นช่องให้บริการนอกธนาคารเพื่อเก็บตกผู้ที่มาใช้บริการในเวลาปกติไม่ทันอีกหนึ่งชั่วโมง ผู้ใช้บริการจะต้องยืนต่อแถวกันนอกธนาคารเข้ามาข้างในไม่ได้ เมื่อใกล้เวลาปิดช่องบริการเอ้าท์ไซท์วินโด้จะต้องมีพนักงานธนาคารไปต่อแถวเป็นคนสุดท้ายเพื่อกันมิให้มีทหารมาต่อแถวอีกเรียกว่า "คัดไลน์"

ทุกครั้งที่ไอ้ตุ่มเข้าเวรออกเอ้าท์ไซท์วินโด้ พวกกองเชียร์จะลากฉันไปคัดไลน์เสมอ เพื่อเปิดโอกาสให้ไอ้ตุ่มและฉันได้ “มองอะไร มองอะไร มอง มองไปทำไมยิ้มมา“ กันตั้งแต่ที่ยืนอยู่ปลายแถวไปจนแถวหมดลง ทีแรก ๆ ก็แค่มองกันไปยิ้มกันมา ต่อมาเมื่อถูกยุมาก ๆ เข้า ฉันก็เริ่มกล้าขึ้นด้วยการนัดไอ้ตุ่มไปดูหนังรอบหัวค่ำซึ่งก็ได้รับการตอบรับด้วยดี หนังที่ฉายอยู่ในช่วงนั้นเกือบทั้งหมดเป็นหนังจีนกำลังภายในของชอว์บราเดอร์สซึ่งมีเดวิด เจียงเล่นเป็นพระเอกและมักจะตายตอนจบ แต่กว่าจะตายทีก็เล่นเอาคนดูเหนื่อยเพราะพระเอกจะต้องโดนฟันอย่างน้อยยี่สิบแผล โดนชกอีกไม่น้อยกว่าห้าสิบทีและบางเรื่องยังมีแถมโดนธนูยิงทั้งที่ปักอยู่ตามเนื้อตัวและที่ทะลุไปอีกไม่น้อยกว่า 50 ดอก ฉันกับตุ่มดูหนังจีนพวกนี้ “ไปงั้น ๆ” เพราะถ้าไม่ดูหนังก็ไม่รู้จะไปที่ไหน หนังฝรั่งที่นาน ๆ จะมีหลุดมาสักเรื่องก็มีที่จำได้แม่นก็คือเรื่องเอ็กซ์ซอซิสท์ ที่จำได้เพราะแทบทั้งเรื่องไอ้ตุ่มไม่ได้ดูเลย มัวแต่มุดอยู่ใต้เก้าอี้ด้วยความกลัว จวบจนกระทั่งแก่เฒ่าจะเข้าโลง ที่บ้านก็พัฒนาไปมีห้องดูหนังแบบโฮมเธียร์เตอร์ตามสมัยนิยม ฉันสู้อุตส่าห์ซื้อหนังเรื่องเอ๊กซ์ซอซิสท์มาเก็บรักษาเพื่อใช้รำลึกถึงความหลังไว้ทั้งในรูปแบบของวีดีโอ วีซีดี และ ดีวีดี แต่ไม่ว่าจะโน้มน้าวหลอกล่ออย่างไร ไอ้ตุ่มก็ยังคงไม่กล้าดูหนังเรื่องนี้จนจบอยู่ดี

ที่ฉันชอบใจตอนเริ่มจีบกันใหม่ ๆ คือทุกครั้งที่นัดกันไปดูหนัง ฉันจะไม่ต้องรอคอยให้เป็นที่เงอะงะเก้อเขินเลย พอขับรถไปจอดหน้าบ้านซึ่งเช่าร่วมกันอยู่กับเพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานในแคมพ์เหมือนกัน ไอ้ตุ่มจะแต่งตัวรอท่าอยู่แล้วและวิ่งมาจากที่ซ่อนตรงไหนก็ไม่รู้ขึ้นรถได้ในทันทีไม่มีการยึกยัก มารู้เอาทีหลังว่า ใช้จำเสียงรถเอาเพราะรถซันนี่คูเป้ของฉันคันนั้น ตัดแต่งท่อพักไอเสียไว้อย่างดี ทำให้มีเสียงนุ่มทุ้มเป็นกังวาลไม่เหมือนกับรถอื่น ไอ้ตุ่มจึงจำเสียงรถได้โดยง่าย

มีอยู่วันหนึ่งฉันเกิดไม่สบายเป็นไข้ตัวร้อนไปทำงานไม่ได้ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติเพราะฉันเป็นคนที่ไม่เคยขาดงานเลย เมื่อข่าวเข้าไปถึงที่ทำงานก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นา ๆ ในลักษณะที่ว่า “วันนี้ควายล้มละโว้ย” มีคนมาเล่าให้ฉันฟังว่าในภายหลังว่าชัยวัฒน์เห็นได้ทีออกอุบายอันแยบยลตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงอันดังได้ยินกันทั้งแบงค์ว่า "สงสัยไอ้โป๋มันเป็นโรค..อย่าไปยุ่งกับมัน" คำว่า "เป็นโรค" นี้รู้กันโดยทั่วไปว่าหมายถึงเป็นโรคผู้หญิง

ปรากฏว่ามุขนี้ได้ผลเพราะคนที่ร้อนใจเรื่องฉันไม่สบายมากที่สุดกลับกลายเป็นไอ้ตุ่ม ด้วยความเป็นห่วงหรือด้วยต้องการรู้ให้แน่ว่าฉันเป็นโรคจริงหรือไม่ก็ตาม เมื่องานเลิก ไอ้ตุ่มถึงขั้นลงทุนซื้อโจ๊กเจ้าอร่อยในตลาดห้าแยกใส่กระติกใส้ปรอทอย่างดีจะหิ้วไปเยี่ยมไข้ แต่เอาเข้าจริงกลับไม่กล้าไปคนเดียวเพราะรู้กิตติศัพท์ว่าบ้านที่ฉันเช่าอยู่นั้นเป็นสถานที่อโคจรสำหรับผู้หญิงที่ทำงานหาเลี้ยงตนด้วยอาชีพอันเป็นปกติธรรมดามิใช่อาชีพแบบพิเศษ จึงต้องลงทุนนั่งสามล้อไปหาทวีที่บ้านห้วยขอให้ ทวี พาซ้อนท้ายมอร์เตอร์ไซค์เอาโจ๊กไปให้ถึงห้องพักของฉัน ตุ่มมาเล่าให้ฉันฟังในภายหลังว่า “พี่วีก็ดีใจหายสู้ออกอุบายบอกพวกขี้เมาที่นั่งล้อมวงกันอยู่เต็มระเบียงว่าตุ่มมาวานให้พาไปเยี่ยมไข้พี่อุบลซึ่งทำงานอยู่ที่ซีวิลเอ็นจิเนียเหมือนกัน” เมื่อพวกนั้นเริ่มไหวตัวที่เห็นไอ้ตุ่มหิ้วหม้อโจ๊กกะเร้อกะรังเข้ามาซุบซิบกับพี่วีอยู่เป็นนาน “ไม่ยังงั้นความแตกตั้งแต่ตอนนั้นละ…อายเขาแย่เลย”
ผู้หญิงไม่ว่าจะห้าวหาญเก่งกล้าเพียงใด ก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ
(มีต่ออีกนิด..ข้างล่าง)
จากคุณ : แมงกะพรุน - [27 มิ.ย. 45 03:03:02 A:203.149.43.116 X:]

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 1
ฉันมานั่งนึกย้อนหลังไปก็ให้เห็นจริงว่า น่าจะเป็นโจ๊กหม้อนั้นนั่นเองที่เป็นต้นเหตุ เมื่อเวลาผ่านไปฉันเพียรถามไอ้ตุ่มหลายครั้งหลายคราว่าแอบใส่อะไรลงไปในโจ๊กหม้อนั้นบ้างหรือเปล่า มันก็ตอบทีเล่นที่จริงกลับมาทุกครั้งว่า “ใส่น้ำใจไปเพียงเล็กน้อย” เห็นทีว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับดำมืดจนต่างคนต่างตายจากกันไปเป็นแน่แท้

นับจากนั้นเป็นต้นมาทั้งคนในที่ทำงานและกลุ่มเพื่อนนอกที่ทำงานต่างก็รับรู้กันว่า ฉันกับตุ่มจีบเป็นแฟนกัน ที่น่าแปลกคือไอ้พวกที่ท้าพนันไว้ก็ไม่เคยมาเลี้ยงตามสัญญาและฉันเองก็ไม่เคยคิดที่จะทวงสัญญาแต่อย่างใด ความสัมพันธ์ระหว่างฉันและตุ่มเริ่มงอกงามผลิดอกออกใบอย่างรวดเร็ว จากการนัดดูหนังก็กลายเป็นนัดขับรถเที่ยวไปตามจังหวัดต่าง ๆ ในวันหยุดส่วนใหญ่หากไม่ไกลนักฉันจะเป็นคนขับแต่ถ้าเป็นจังหวัดไกล ๆ เช่น เลยหรือนครพนม ตุ่มก็จะช่วยขับ รวมทั้งการไปเยี่ยมพ่อแม่ของตุ่มซึ่งอยู่ที่อำเภอเพ็ญ ห่างจากตัวจังหวัดไปสามสิบกว่ากิโลทุกวันอาทิตย์เว้นอาทิตย์อีกด้วย

ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่วงอิม หรือวง “ดิอิมพอสซิเบิล” นำเอาเพลงไทยเก่า ๆ มาเรียบเรียงเสียงประสานร้องใหม่ออกเป็นเทปขายดิบขายดี เทปม้วนนี้เองที่เป็นสื่อแห่งความในใจระหว่างเราสอง “ถ้าฉันมีสิบหน้าอย่างทศกัณฐ์สิบหน้านั้นฉันจะหันมายิ้มให้เธอ” หรือ “รักเมื่อพบแล้วผลัดพราก ไม่เคยคิดจากรักจริงจากใจ รักชั่วนิรันด์ รักกันเรื่อยไป ดื่มด่ำฤทัยไม่คลายใจรักกัน” หรือ “ความรัก..เหมือนกับบทเพลง ที่บรรเลงกันอยู่เรื่อยมา มีทั้งความหวาน ชื่นระรื่นอุรา” นอกจากเทปเพลงบรรเลงมันมันแก้ง่วงดีนักของวงซานตาน่าที่ฟังกันเป็นประจำแล้ว ก็คงจะเป็นเทปวงอิมม้วนนี้เอง ที่เวลาขับรถกันไกล ๆ ที่ใดเป็นต้องหยิบมาเสียบฟังกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดทางเสมอ เป็นเสมือนหนึ่งเครื่องถ่ายทอดความในใจระหว่างกันโดยมิต้องเอ่ยปากพูดออกมาให้เคอะเขินกันแต่อย่างใดทั้งสิ้น

หากใครจะถามฉันก็คงไม่เถียงว่าช่วงเวลานั้น เป็นช่วงเวลาที่ฉันมีความรู้สึกเป็นสุขใจ สุขเพราะรู้ว่ามีคนรู้ใจและเข้าใจเราที่แปลกที่แปลกทางมา มีคนที่เราสามารถจะเล่าอะไรให้ฟังก็ได้ มีใครสักคนที่เป็นห่วงเป็นใยในทุกข์สุขของเรา คอยเตือนเราว่าอย่ากินเหล้าให้มากนัก เป็นความรู้สึกดี ๆ ที่ต่างออกไปจากความรู้สึกดี ๆ อันเกิดจากการมีเพื่อนเที่ยวเพื่อนกินที่สนิทและรู้ใจกัน ความรู้สึกดี ๆ ที่ฉันกับตุ่มมีให้ต่อกันมันมีหลากมิติมากกว่าเพราะมันแฝงเร้นไปด้วยกระแสแห่งความปิติซาบซ่านที่วิ่งวนลึกล้ำอยู่ภายในใจถ่ายทอดให้รู้สึกได้ชัดเจนเพียงระหว่างเราสองคน แค่ได้เห็นหน้าหรือนั่งรถเคียงกันไปโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากพูดจากันสักคำ

ไม่ว่าจะขับรถกันไปไกลขนาดไหนก็ตาม ในเที่ยวขากลับฉันมักรับหน้าที่เป็นคนขับเสมอ เพราะตุ่มนั้นนั่งรถนาน ๆ แล้วมักจะเกิดอาการง่วง ทีแรก ๆ ก็นั่งโงกไปเงกมา ต่อมาพอเริ่มกล้าคุ้นกันขึ้นมาอีกหน่อย ก็มีการโอนเอนมาซบไหล่ฉันบ้าง ซบทีก็สะดุ้งตื่นขึ้นมายิ้มกันไปเขินกันมาเสียที สักพักก็เอนมาซบใหม่อีก สุดท้ายกล้ามากเข้าจากซบเลยกลายเป็นซุก คือนอนขดซุกตักฉันเอาดื้อ ๆ จะเป็นด้วยการที่ฉันไม่เคยคิดที่จะหาเศษหาเลยเอาจากตุ่มตลอดเวลาที่เราคบหากันเลยทำให้ตุ่มไว้วางใจถึงขนาดนี้ ทุกครั้งที่ตุ่มนอนซุกตักฉันทำให้ฉันรู้สึกเต็มตื้นว่าต่อไปนี้ฉันจะต้องมีความรับผิดชอบในชีวิตอีกหนึ่งชีวิตที่เจ้าของมอบความไว้วางใจให้กับฉัน เป็นครั้งแรกทีฉันมีความรู้สึกว่ามีภาระอันหนักที่จะต้องรับผิดชอบกับชีวิตของคนอีกคนหนึ่งซึ่งไม่นานก่อนหน้านี้เป็นใครก็ไม่รู้ ผู้หญิงที่นอนขดอยู่บนตักฉันคนนี้คือคนที่ฉันจะต้องรับผิดชอบดูแลปกป้องคุ้มครองให้สมกับความไว้วางใจที่เธอคนนั้นมอบให้กับฉันด้วยใจที่บริสุทธิ์โดยแท้
จากคุณ : แมงกะพรุน - [27 มิ.ย. 45 03:06:01 A:203.149.43.116 X:]

ความคิดเห็นที่ 2
และแล้ว ก็ถึงวินาทีที่รอคอย อิ..อิ..คุณธราธรมาช่วยร้องเพลงหน่อยนะคะ ระหว่างรอ ขอแก้ขัดไปก่อน
Love this is my song, Here is a song, a serenade to you. The world cannot be wrong If in this world there's you. I care not what the world may say, Without your love there is no day. Love this is my song, Here is a song, A serenade to you อ้อ..รอคุณเจ(JW) ด้วย...เดี๋ยวคงมาจัดดอกไม้กระมังคะ
ขอคุณพระคุ้มครองสุขภาพคุณแมงกะพรุนค่ะ
จากคุณ : ปราณ - [27 มิ.ย. 45 03:29:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3
ถ้าฉันมีสิบหน้าอย่างทศกัณฐ์สิบหน้านั้นฉันจะหันมายิ้มให้เธอ” ฟังทีไรก็ขนลุกทุกที อาจเพราะเป็นคนอ่อนไหวมั้ง เลยจินตนาการมาก กึ่ยซ์
จากคุณ : GTW - [27 มิ.ย. 45 06:05:14 A:202.133.172.24 X:]

ความคิดเห็นที่ 4
มาแล้ววว... มาช่วยคุณหมอปราณร้องเพลงแล้วค่ะ (แอบสอนหนูก่อนนะค่ะ หนูร้องไม่เป็น อิ อิ)
จากคุณ : ธราธร - [27 มิ.ย. 45 06:15:10 A:194.80.32.11 X:10.38.40.120]

ความคิดเห็นที่ 5
อะ.... เจอเนื้อแล้วค่ะ อุดหูดีดีน้า..."ถ้าฉันมีสิบหน้าอย่างทศกัณฑ์ สิบหน้านั้นฉันจะหันมายิ้มให้เธอ สิบลิ้น สิบปาก จะฝากคำพร่ำเพ้อ ว่ารักเธอ รักเธอ เป็นเสียงเดียว ถ้าฉันมียี่สิบตาอย่างทศกัณฑ์ ยี่สิบตาของฉันจะมองเธอไม่เหลียว ยี่สิบแขนจะสวมสอดกอดเธอผู้เดียว ยี่สิบสีดาอย่ามาเกี้ยวไม่แลเหลียวมอง" บุ๋ม บุ๋ม บุ๋ม...
จากคุณ : ธราธร - [27 มิ.ย. 45 06:38:41 A:194.80.32.11 X:10.38.40.120]

ความคิดเห็นที่ 6
โอ้โห...นางเอกออกมาแล้วนี่...อ๊ะ..อ๊ะ..."ถ้าฉันมีสิบหน้าอย่างทศกัณฐ์สิบหน้านั้นฉันจะหันมายิ้มให้เธอ” เอ๊ะ...เอ๊ะ...ผมทันด้วยแฮะ เคยฟังแผ่นเสียง(ของพ่อ) สมัยเด็กๆ...หนังจีน ผมก็ทันเหมือนกัน สมัยก่อนที่อุบลฯ 2 เรื่องควบ โกญจนาท พากย์เสียงภาษาไทย เดวิดเจียง ตี้หลุง เฉินกวนไถ้ และน้องเล็ก ฟู่เซิง แฟนพันธ์แท้เลยนะเนี่ย พี่แมงกะพรุนเคยไปอุบล ไหมล่ะครับ
จากคุณ : พิจิก (พิจิก27) - [27 มิ.ย. 45 12:24:47 ]

ความคิดเห็นที่ 7
อิอิ...เวลาอ่านอะไรซึ้งๆ เกี่ยวกับความรักแล้วรับรู้ว่า นั่นเป็นเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากชีวิตจริง ไม่ใช่เรื่องที่แต่งขึ้นมาแบบนิยายพาฝัน โคอาร่าจะยิ่งเพิ่มความซาบซึ้งขึ้นไปอีกหลายๆ เท่าเลยค่ะ :)
จากคุณ : โคอาร่า - [27 มิ.ย. 45 13:00:29 ]

ความคิดเห็นที่ 8
โอ้หวานจ๋อยซะไม่มี พ่อสื่อพ่อชักเต็มไปหมดเลย โห...รับคำท้าจนได้เรื่องอิ อิ ตกกระไดพลอยโจนหรือเปล่าคะเนี่ย หุ หุ ฟังเพลงทศกัณฐ์แล้วน่ากลัวจัง ย้วยเยี้ยดีเจงๆๆ เกิดไม่ทันอ่ะค่ะ เอาดอกไม้ใกล้บ้านมาฝากก็แล้วกันนะคะ ไม่ได้ตัดดอกไม้ค่ะคุณหมอปราณ ยกมาทั้งต้นเลย
จากคุณ : JW (Chelsey) - [27 มิ.ย. 45 13:15:31 ]

ความคิดเห็นที่ 9
Illuminated Yellow Narcicuss นู๋ถ่ายเอง หวานจ๋อยสมกับตอนนี้ ฮี่ๆๆๆๆ หวัดดีคุณโคอาล่า ตัดหน้ากันได้นะเนี่ย :D
จากคุณ : JW (Chelsey) - [27 มิ.ย. 45 13:18:18 ]

ความคิดเห็นที่ 10
ลิงค์ร้อนๆมาแล้วค่ะ
ตอนที่ 31
http://pantip.inet.co.th/cafe/writer/topic/W1583775/W1583775.html
จากคุณ : JW (Chelsey) - [27 มิ.ย. 45 13:20:58 ]

ความคิดเห็นที่ 11
อิอิ...งั้นมาต่อท้ายคุณ JW อีกทีแล้วกันนะคะ ภาพดอกไม้สวยจัง
จากคุณ : โคอาร่า - [27 มิ.ย. 45 13:28:10 ]

ความคิดเห็นที่ 12
คุณแมงกะพรุนนี่เป็นผู้ชายโรแมนติคน้า ขอปรบมือให้กับท่อนนี้ค่ะ
'ทุกครั้งที่ตุ่มนอนซุกตักฉันทำให้ฉันรู้สึกเต็มตื้นว่าต่อไปนี้ฉันจะต้องมีความรับผิดชอบในชีวิตอีกหนึ่งชีวิตที่เจ้าของมอบความไว้วางใจให้กับฉัน เป็นครั้งแรกทีฉันมีความรู้สึกว่ามีภาระอันหนักที่จะต้องรับผิดชอบกับชีวิตของคนอีกคนหนึ่งซึ่งไม่นานก่อนหน้านี้เป็นใครก็ไม่รู้ ผู้หญิงที่นอนขดอยู่บนตักฉันคนนี้คือคนที่ฉันจะต้องรับผิดชอบดูแลปกป้องคุ้มครองให้สมกับความไว้วางใจที่เธอคนนั้นมอบให้กับฉันด้วยใจที่บริสุทธิ์โดยแท้'
จากคุณ : bellissima - [27 มิ.ย. 45 13:58:17 A:217.162.80.159 X:]

ความคิดเห็นที่ 13
นางเอกออกแล้ว .. :)
จากคุณ : scottie - [27 มิ.ย. 45 14:22:06 ]

ความคิดเห็นที่ 14
ใส่น้ำใจไปเพียงเล็กน้อย” <------ เจอคำพูดนี้ก็น่าจะทำให้ใจละลายแล้วนา อึ๋ย อ่านไปอึ๋ยไป อิอิ
จากคุณ : O-HO - [27 มิ.ย. 45 18:28:21 ]

ความคิดเห็นที่ 15
อิอิ ชอบตอนเดียวกับพี่โอ้โฮอะค่ะ ตอนนี้น่ารักจริง ๆ เล้ย ^^
จากคุณ : Clear Ice - [27 มิ.ย. 45 18:57:49 ]

ความคิดเห็นที่ 16
แหม คุณแมงกะพรุนนี่เป็นผู้ชายที่น่ารักจริงๆ
จากคุณ : Licht (Miran) - [27 มิ.ย. 45 19:45:59 ]

ความคิดเห็นที่ 17
^-^ ตามมาเก็บอีกตามเคย เอ็กซ์ซอซิสท์ เอ..เราได้ดูทาง UBC ที่เป็นเรื่องการขับไล่ วิญญาณ( เรียกง่ายว่า ผี)ของพระฝรั่ง ใช่เรื่องเดียวกันรึป่าวเอ่ย เพราะเราก้อชอบเรื่องนี้ 555 แบบมันน่ากลัวดี รู้สึกมีหลาย ภาคด้วย แต่เดาว่า พี่แมงกะพรุนต้องไปดูภาคแรกแน่ เลย ตุ่มถึงได้กลัวขนาดนั้น ( เพราะเราว่าภาคแรกน่ากลัวสุดเลย )
จากคุณ : T.time - [27 มิ.ย. 45 20:30:16 ]

ความคิดเห็นที่ 18
++คุณ T.time:
ใช่แล้วครับเรื่องเดียวกัน มีสองภาคแต่ที่น่ากลัวที่สุดคือภาคแรก สมัยนั้นไม่มีหนังผีเรื่องใดที่สร้างได้น่ากลัวและสมจริงเท่าเรื่องนี้เลย ฮือฮากันมาก
++คุณ Licht (Miran):
Welcome to the club!
++คุณ Clear Ice:
ดีใจที่น้องไอ้ซ์ชอบ..ยกให้เป็นของขวัญวันเกิดแล้วกัน
++คุณโอ้โฮ:
คนไทยนี่แปลกอย่าง รู้สึกอย่างไรไม่ค่อยพูด ชอบเก็บไว้ในใจปล่อยให้อีกฝ่ายคิดเดากันเอาเองว่าตัวคิดอย่างไร ตรงข้ามกับฝรั่ง คิดอะไรก็โพล่งออกไปเลย ดีอย่างเสียหลายอย่าง เช่นคำว่า "รัก" พูดกันจนเกร่อ จนค่าของคำกลายเป็นสามัญไป สำหรับคนไทยบางทีคำพูดง่าย ๆ ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะมีความหมายอะไร กลับลึกซื้งวาบหวิวนักหากหัวใจของผู้รับฟังกำลังโหยหา
++คุณ Scottie:
ผิดหวังหรือเปล่า..เพิ่งจะเริ่มยังมีส่วนประกอบอีกเยอะ
++คุณ bellissima:
ขอบคุณครับ..ประโยคนั้นมันไหลออกมาจากข้างใน ไม่ได้คิดไม่ได้แก้ไขอะไรเลย
++น้องเจ:
ขอบคุณสำหรับดอกไม้แสนสวยและลิงค์ร้อน ๆ ดีใจที่เจชอบ
++คุณหมีโคฯ:
ความสุขคือครีมแห่งชีวิต หวามมันวาบหวิว เสียดายที่มีเพียงน้อยนิด
++คุณพิจิก:
นางเอกหนังจีนที่ชอบมีอยู่คนเดียวชื่อ "ลี ชิง" ชอบหนังที่โกญจนาทให้เสียงภาษาไทยเหมือนกัน สมัยนั้นจัดอยู่ในขั้นแนวหน้า ขอสารภาพว่ายังไม่เคยไปอุบลสักทีตั้งแต่ยังเต็มจังหวัดจนถูกเฉือนอำนาจเจริญออกไป ได้แต่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา ยังไงก่อนไปเกิดใหม่จะแวะไปเยี่ยมเมืองดอกบัวงามนี้ให้ได้ สักครั้งก็ยังดี
++คุณธราธร:
"ยี่สิบแขน จะสวมสอด กอดเธอผู้เดียว"
เป็นความไพเราะของภาษาที่หาได้ยากนักในเพลงสมัยนี้
แปะ..แปะ (เสียงปรบมือ)
++คุณ GTW:
"ยี่สิบแขน จะสวมสอด กอดเธอผู้เดียว"
แม้จะมีตั้งยี่สิบมือก็บอกแล้วไงว่าจะใช้มือทั้งหมดกอดเธออย่างเดียว ไม่ได้ไปยุ่มย่ามเป็นหนวดปลาหมึกที่ไหน ทำไมต้องขนลุก..แปลกคนจริงจริง
++คุณหมอปราณ:
How about this one:
"You're not a dream. You're not an angle. You're a woman. I'm not a king. I'm a man. Take my hand.
We'll make a space in our lives as we planned. And here I'll stay...until it's time,
for me to go!"
จากคุณ : แมงกะพรุน - [28 มิ.ย. 45 06:24:52 A:203.149.43.118 X:]

ความคิดเห็นที่ 19
คุณแมงกะพรุนคะ ..จับใจค่ะ... จับใจตั้งแต่ตอนที่มาอ่านครั้งแรก จนย้อนกลับมาอีกทีนี่ทีเดียว จับใจในความรู้สึกอันประณีต ในความวิจิตรของภาษาที่คุณแมงกะพรุนถ่ายทอด รวมเพลงประกอบด้วย และทำให้เห็นความน่ารักของ"ใจ" นอกจากความสวยของ"ดวงตา" ของคุณตุ่มด้วยค่ะ คิดว่าความเคยชินของคนไทยสมัยเราๆนั้น มุ่งอยู่ที่การกระทำ หรือเป็นนัยๆ มี subtletyไม่ต้องโจ่งแจ้ง ต่างจากสังคมฝรั่งที่ expressive มากๆ ทั้งภาษาพูดและภาษากายนะคะ ---น้องธราธรขา ขออภัยที่เพลงแก้ขัดนั้นเป็นสมัยมนุษย์ Cromagnon น่ะค่ะ แหะๆ..แต่ของดิอิมฯ จำได้ไม่จบสักเพลงหนึ่งเลย นอกจากเพลง หมื่นไมล์ใจเอื้อมเพราะเป็นตอนจากมาอยู่นี่ใหม่ๆ แต่มันไม่เข้ากับฉากตอนนี้เล้ยยยย..ไม่กล้าร้อง---น้องเจฯคะ แดฟโฟดิล นี่สวยจัง ที่นี่หมดไปแล้วหน้านี้ และทำให้นึกถึง
poem โปรดทันทีเลยค่ะ ของ Wordsworth ชื่อนี้แหละค่ะคราวนี้ขอนับญาติเรียกน้องหมดแล้วนะคะ เอาอย่างคุณแมงฯค่ะ
จากคุณ : ปราณ - [28 มิ.ย. 45 07:39:05 ]

ความคิดเห็นที่ 20
ถ้าจะมีการรวมเล่ม อย่าลืมรวบรวมความคิดเห็นของแต่ละท่านไว้ท้ายเล่มด้วยนะคะ ...อ่านแล้วทั้งรู้สึกว่าอบอุ่นเป็นกระทู้ที่จริงใจและเป็นกันเองดีค่ะ ... ดอกไม้เต็มเลยนะคะตอนนี้ ... แวะมาทักทายค่ะ
จากคุณ : แมวตาเดียว - [28 มิ.ย. 45 09:44:10 A:202.183.197.9 X:]

ความคิดเห็นที่ 21
ยังไม่ได้อ่านตอนต้นๆเลย บังเอิญกดมาดู ชอบในภาษาที่ใช้มันง่ายๆดีแต่ดูจริงใจ มิใช่เบา...ใส่น้ำใจลงไปนิดหน่อย......น่ารักดีครับ ปกติอยู่ไร้สังกัดต่อไปคงต้องแวะเวียนเยี่ยมยาม มาที่ห้องสมุดบ่อยๆ
จากคุณ : เด็กช่างฯ - [28 มิ.ย. 45 19:03:15 ]

ความคิดเห็นที่ 22
ประทับใจมากครับ คุณแมงกะพรุน ผมอ่านบทนี้ซะหลายรอบมีของฝากสำหรับทุกท่านที่ชอบดอกแดฟโฟดิลและกลอนหวาน ๆ ครับ :)
"Daffodils" - William Wordsworth
I wandered lonely as a cloud That floats on high o'er vales and hills, When all at once I saw a crowd, A host, of golden daffodils; Beside the lake, beneath the trees, Fluttering and dancing in the breeze. Continuous as the stars that shine And twinkle on the milky way, They stretched in never-ending line Along the margin of a bay:
Ten thousand saw I at a glance, Tossing their heads in sprightly dance. The waves beside them danced; but they Out-did the sparkling waves in glee: A poet could not but be gay, In such a jocund company: I gazed--and gazed--but little thought What wealth the show to me had brought: For oft, when on my couch I lie In vacant or in pensive mood, They flash upon that inward eye Which is the bliss of solitude; And then my heart with pleasure fills, And dances with the daffodils.
จากคุณ : ศุภา - [28 มิ.ย. 45 19:12:06 A:65.25.245.150 X:]

ความคิดเห็นที่ 23
ชอบกลอนภาษาอังกฤษที่พี่แมงกะพรุนยกมาจัง ((สงสัยต้องครวญเพลง เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ เอิ๊กส์))
^^ ดีก๊ะพี่ศุภา กลอนเพราะจัง แหะ ๆ เห็นอย่างนี้แล้วอยากแต่งกลอนอีกจัง ^^
จากคุณ : Clear Ice - [28 มิ.ย. 45 20:52:54 ]

ความคิดเห็นที่ 24
ติดความหวานหนึบหนับของตอนนี้ ต้องกลับมาอีกค่ะ คุณแมงกะพรุนคะ...ร้องขอค่ะ ร้องขอ.. ช่วยร้องให้เต็มหน่อยนะคะ ได้โปรด...until it's time for me to go......ไม่ได้ยินมานานแสนนานแล้วค่ะแต่เอ.. ไม่ทราบว่าจะออกมาบนเวทีอีกรอบไหมคะนี่ ตบมือดังและนานคอยอยู่ค่ะ น้องศุภา ..พี่ค่ะ พี่เองนะคะ ขอบคุณอย่างยิ่งเลย ช่วยพี่ลง The Daffodils ให้น้องเจ ไปก่อนแล้ว ดีใจที่น้องศุภาโผล่มาค่ะ ขอประกาศด้วย น้องศุภาเป็นจ้าวพ่อวรรณคดี อังกฤษค่ะ จ้าวพ่อห้องสมุดจริงๆที่นี่ด้วย
น้องเจขา.. รูปสวยยยยค่ะ จะเรียก narcissus หรือ daffodil นั้น ถูกทั้งคู่นะคะ เพราะว่า narcissus นั้นเป็นชื่อgenus ซึ่งรวม species ของ daffodil และ jonquil ด้วยไงคะ ส่วน poem ที่พี่เอ่ยไว้นั้น น้องศุภากรุณาเขียนให้แล้วค่ะ
จากคุณ : ปราณ - [29 มิ.ย. 45 05:02:25 ]

ความคิดเห็นที่ 25
++หนูไอ้ซ์:
ถ้าชอบกวีชาวบ้านต่อให้อีกหน่อยก็ได้
Yes we're different, our worlds are apart, we're not the same. We laughed and played at the start like in a game.
You should have stayed outside my heart but .in you came. And here you'll stay until its time for me to go.
Don't ask why. Don't ask how. Don't ask forever hold me...love me now. This love of mine had no beginning, it has no end. I was an oak, now I'm a willow now I can bend. Although I never, in my life, see you again. But here I'll stay until its time.. for me to go!
++คุณศุภา:
ขอบคุณสำหรับกลอนหวาน คิดว่าคุณหมอปราณคงชอบ
++คุณเด็กช่างฯ
ยินดีต้องรับครับ คนที่นี่ หรือ คนที่ไหน ก็มีน้ำใจให้กันเสมอ เพราะเราคือคนไทย "คนไหนคนไทย..จะรู้ได้ไง..ถ้ามีน้ำใจคนไทยแน่นอน"
++น้องเจ
ได้ยินชื่อนาซีซัสแล้วสะดุ้ง..คนที่นี่เอามาตั้งชื่อพับ อยู่ติดติดกับพีกาซัส ชุมทางเขาชุมทอง ทั้งนักเลง ทั้งลูกนักเลง ยั้วเยี้ยไปหมด เห็นทิวลิปแล้วนึกถึงทุ่งดอกกระเจียวที่ศรีสะเกษ ดัทช์เรียกดอกกระเจียวว่า "ไซแอมมิส ทิวลิป" ตอนนี้ส่งออกไปฮอลแลนด์แก้แค้นคนไทยที่สั่งดอกทิวลิปแช่เย็นเข้ามาได้เล็กน้อยแล้วละ ราคาทิวลิปขายปลีกที่นี่ดอกละ 80 ขาดตัว ดอกกระเจียวไทยที่แอมสเตอร์ดัมดอกละ 200
++คุณแมวตาเดียว:
ขอบคุณครับ
++คุณหมอปราณ:
น่านนะสินะ ถึงได้บอกว่าดีอย่างเสียหลายอย่าง พวกเราคนไทยคุ้นเสียแล้วกับการที่ต้องคาดเดาความรู้สึกของอีกฝ่ายที่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ในความเห็นส่วนตัวก็คิดว่ามันท้าทายดี แต่เด็กเดี๋ยวนี้ก็ใจร้อนกันเสียจริง แถมยังยึดถือแนวทางนักปฏิบัติ ชอบกระทำการอย่างที่สมัยพวกเรานิยามกันว่าเป็นการชิงสุกก่อนห่าม แต่ก็ยังอุตส่าห์รักษาเอกลักษณ์ไทย คือต่างฝ่ายต่างทำกันโดยไม่พูด ให้อีกฝ่ายหนึ่งเดาว่าที่ "ทำ" ไปน่ะ..เพราะ "รัก" หรือ "ใคร่" กันแน่ แฮ๋.. ได้ยินคำว่า "โครมันยอง" แล้วอดนึกถึงเพื่อนเก่า ๆ "เฮอร์โมอีเร็กตัส" กับ "เฮอร์โมซาเปี้ยน" ไม่ได้ ไม่รู้เป็นไง


จากคุณ : แมงกะพรุน - [29 มิ.ย. 45 05:25:25 A:203.149.40.102 X:]

ความคิดเห็นที่ 29
มาอีกรอบเพื่อจะบอกว่าชอบกลอนภาษาอังกฤษ ในความคิดเห็นที่ 28 จังค่ะ อ่านแล้ว "อึ๋ย" อิอิ ตอนนี้ "เรื่องของฉัน" หวานจริงๆ ค่ะ ทั้งเนื้อเรื่อง และภาพประกอบกระทู้
จากคุณ : O-HO - [29 มิ.ย. 45 11:13:41 ]

ความคิดเห็นที่ 30
ขอขอบคุณและคารวะคุณศุภา กลอนเพราะมากค่ะ already saved it! เจชอบซอนเนท 18 ของเชคสเปียร์ Shall I compare thee to a summer day เจชอบ โรเบิรต์ ฟรอสท์ อเมริกันอ่ะ Nothing gold can stay Fire and Ice
Stopping by woods on a snowy evening คุณศุภามีกลอนโปรดบทไหนแชร์กันอ่านบ้างนะคะ ปีหน้าจะไปแดนซ์กับเจ้าดอกแดฟโฟดิลนี่ดีกว่า ปีนี้โรยหมดเลี้ยว....หวัดดีพี่หมอปราณค่ะ เจว่าตอนนี้หวานจนทุกคนกลับมาอ่านอีกจนได้ ฮ่าๆๆๆ พี่แมงกะพรุน ดีแล้วๆๆ พวกฝรั่งนี้บ้าดอกกล้วยไม้ด้วย เราคนไทยเห็นจนเซ็งไม่รู้สวยตรงไหน หอมก็ไม่หอม น่าตีตลาดดอกกล้วยไม้ที่นี่บ้างนะเนี่ย ฮี่ๆๆๆๆ
จากคุณ : JW - [29 มิ.ย. 45 14:12:57 A:142.173.107.180 X:]

ความคิดเห็นที่ 31
น้องเจขา คนตื่นเต้นกลายเป็นพี่เอง เมื่อทราบว่าน้องเจชอบ Robert Frost และเชคสเปียร์ด้วย วู้ๆๆๆ ....ตอนนี้ มีอีกบทหนึ่งเกี่ยวกับแดฟฯเก่าเก็บมาก คุณครูให้ท่องตั้งแต่เด็กคู่กันมากับ บทข้างบนนั้น สมควรจะมาคู่กันอีกนะคะ อิ..อิ.. To Daffodils
Fair daffodils, we weep to see You haste away so soon; As yet the early-rising sun Hath not attained his noon.Stay,stay Until the hasting day Has run But to the evensong; And, having pray'd together, we Will go with you along. We have short time to stay, as you, We have as short a spring; As quick a growth to meet decay, As you, or anything. We die As your hours do, and dry Away Like to the summer's rain; Or as the pearls of morning's dew, Ne'er to be found again.
-(Robert Herrick, even more ancient! A bit mournful, too)
คุณแมงกะพรุนคะ ..ขออวดหน่อย ตอนนี้ได้เพลงจริง Until It's Time For You To Go ของวิคกี้ คาร์ มาสดๆร้อนๆแล้วละค่ะ
จากคุณ : ปราณ - [29 มิ.ย. 45 15:29:50 A:12.89.139.232 X:]

ความคิดเห็นที่ 32
ไม่อยู่เสียหลายวัน กลับมาเลยได้อ่านรวดเดียวหลายๆตอน ดีใจที่ได้เจอนางเอกเสียทีนะคะ เอาดอกไม้มาฝากจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วยค่ะ
จากคุณ : หมูแดงจ้ะ - [30 มิ.ย. 45 00:02:52 ]

ความคิดเห็นที่ 33
ดิฉันทำงานในสำนักพิมพ์เล็กๆ แห่งหนึ่ง อยากรวมเล่มผลงานของคุณในรูปแบบพ็อกเก็ตบุ๊คค่ะ ถ้าคุณสนใจ ติดต่อดิฉันได้ตามเบอร์โทรนี้ค่ะ 02-6447755 ต่อ 704 (จอย)
จากคุณ : จอย - [1 ก.ค. 45 09:43:15 A:203.155.22.253 X:]

ความคิดเห็นที่ 34:
เกือบไม่ได้เจอกันแล้วสินะเรา ดีว่าแอบกลับมาเยี่ยมกระทู้เก่าเลยเจอกันได้โดยบังเอิญ ต้องขอขอบพระคุณที่สนใจจะเอา "เรื่องของฉัน" ไปพิมพ์รวมเล่มนะครับ แต่ปัญหาคือตอนนี้เรื่องยังไม่จบและยังรู้สึกสนุกที่จะเขียนไปเรื่อย ๆ เขียนเอาตอนต่อตอนจากความทรงจำ ไม่มีพล๊อตเรื่อง อยากเขียนอะไรก็เขียนเรื่อยเปื่อยไป ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปจบเมื่อใด จบอย่างไร แม้ว่าจะแปลกใจแต่ก็ดีใจที่มีหลายคนชอบและตามอ่านกัน งานนี้คนเขียนสนุกพอพอกับคนอ่านเพราะรู้เรื่องเกือบจะพร้อม ๆ กัน
เรื่องการพิมพ์รวมเล่มนี้ ที่จริงก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะทำ ส่วนจะทำ "เมื่อใด" หรือ "อย่างไร" นั้น ลองย้อนกลับไปอ่านความเห็นที่ 6 ของตอนที่ 7 ก่อนจึงจะเข้าใจ ขอขอบคุณอีกครั้งที่ให้ความสนใจด้วยความปรารถนาดี
จากคุณ : แมงกะพรุน - [3 ก.ค. 45 04:35:18 A:203.107.151.65 X:]

ความคิดเห็นที่ 35
น่ารักจังเลยค่ะ ข้ามห้องมาอะ ปกติขลุกอยู่แต่ในโต๊ะจตุจักร เพิ่งเคยอ่านตอนนี้เป็นตอนแรก น่ารักมากๆๆๆๆ (รู้สึกว่ามาอ่านตอนแรกก็เจอตอนเด็ดๆเลยนะเนี่ย)
จากคุณ : หนูปูน - [6 ก.ค. 45 01:13:14 ]

ความคิดเห็นที่ 36
ทุ่งดอกกระเจียวไทยที่ศรีสะเกษ เคยไปป่าวอ่ะ มันอยู่ อ.เทพสถิตจ๊ะ จ.ชัยภูมิ ไม่ใช่ศรีสะเกษ หรือว่าพบที่ใหม่เหรอ
จากคุณ : 5555 - [7 ก.ค. 45 10:43:38 A:203.170.191.1 X:]

ความคิดเห็นที่ 37
++คุณ 5555
ขอบคุณครับที่กรุณาแก้ไขข้อผิดพลาดให้ ต้องขออภัยท่านผู้ที่ติดตามอ่านทุกท่านด้วยที่ให้ข้อมูลเรื่องทุ่งดอกกระเจียวผิดพลาดไป วันก่อนดูข่าวโทรทัศน์มีเรื่องนี้พอดี แต่จำชื่อจังหวัดผิดตอนที่เขียนก็ทะแม่งทะแม่งอยู่ ยังดีที่มี "ผู้รู้" มาแก้ให้ ขอบคุณคุณ 5555 อีกครั้งนะครับที่กรุณา คราวหน้าจะระมัดระวังให้มากกว่านี้
++คุณหนูปูน:
ยินดีต้อนรับครับ
จากคุณ : แมงกะพรุน - [8 ก.ค. 45 04:46:32 A:203.149.40.160 X:]

ไม่มีความคิดเห็น: