วันจันทร์, สิงหาคม 18, 2551

เรื่องของฉัน ตอนที่ 26

ตอนที่ 26

ฉันมีความเชื่อฝังใจว่าชีวิตทุกชีวิตได้ถูกลิขิตไว้ล่วงหน้าแล้ว ในช่วงชีวิตของคนเราจะมีจุดต่าง ๆ ที่เป็นทางสามแพร่งแห่งชีวิต เป็นจุดที่เราจำเป็นต้องเลือกว่าจะไปต่อทางซ้ายหรือไปทางขวาหรือจะตรงไปดี เมื่อเราเลือกแล้วสิ่งที่เกิดตามมาก็เป็นอย่างหนึ่ง คือเป็นอย่างที่มันเป็นอยู่ในปัจจุบัน ทำให้เราเป็นเราอย่างนี้ มีชีวิตอย่างนี้ อยู่กับคนนี้ ทุกข์หรือสุข จนหรือมี อย่างนี้ ใครที่ผ่านช่วงชีวิตมานานพอสมควรหากไม่เชื่อลองนั่งจินตนาการย้อนอดีตกลับไปดูว่า ในแต่ละครั้งที่เราพบและผ่านทางสามแพร่งแห่งชีวิตมา หากเราฝืนเลือกที่จะไปอีกทางหนึ่งไม่ใช่ทางที่เราเลือกมาแล้ว ชีวิตของเราจะเป็นเช่นนี้หรือไม่ แต่คิดไปก็แค่นั้น เพราะมนุษย์ทุกผู้ เป็นได้ก็เพียงแค่ตัวหมากบนกระดานที่ถูกจับให้เลื่อนเดินไปมาบนตาตารางแห่งช่วงชีวิตของแต่ละคนซึ่งล้วนเป็นปัจเจก ก้าวก่ายบงการกันไม่ได้ เพียงเพื่อรอเวลาถูกกินถูกเขี่ยให้พ้นไปจากกระดานเมื่อหมดหน้าที่หมดบทบาทที่กำหนดมาให้เล่นแล้ว ก็เท่านั้นเอง

หลังจากที่ฉันทำงานได้ประมาณหกเดือน บ้านเอกมัยก็สร้างเสร็จสมบูรณ์ ที่ลืมเล่าไปคือนับจากฉันเริ่มเรียนในชั้นมัธยมเป็นต้นมา แม่ก็เลิกตีฉันอย่างเด็ดขาด แต่ก็มีมาตรการใหม่ที่แม่สรรหามาใช้กับฉัน เป็นอย่างไรจะเล่าให้ฟังต่อไป บ้านหลังใหม่ที่เอกมัยนี้ ทุกคนมีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเอง ห้องนอนใหญ่ของป๋ากับแม่มีห้องน้ำ มีอ่างอาบน้ำ และที่ฉันเห็นว่าแปลกนักคือโถฉี่ของผู้หญิงโดยเฉพาะไม่ต้องฉี่ลงโถซักโครกให้เปลืองน้ำ สำหรับ ฉัน นายปั้น และยายแจ๋ว มีห้องส่วนตัวคนละห้องแต่ยังต้องใช้ห้องน้ำร่วมกัน เป็นห้องน้ำขนาดใหญ่อยู่ติดกับห้องนอนของฉันซึ่งเป็นห้องเดียวที่มีระเบียง ภายในห้องน้ำแบ่งแยกต่างหากจากกันเป็นสามส่วน คือส่วนที่ใช้สำหรับแต่งตัวล้างหน้าแปรงฟัน ส่วนที่ใช้อาบน้ำ มีทั้งร้อนน้ำเย็นจากฝักบัวที่ไหลแรงจนเจ็บเนื้อตัวเพราะใช้ปั๊ม และส่วนสุดท้ายเป็นห้องสุขาซึ่งเป็นโถนั่งแบบฝรั่งมีสายยางฉีดน้ำล้างก้นไม่ต้องนั่งยอง ๆ ให้เป็นเหน็บชาเหมือนโถแบบโบราณอีกต่อไป เหล่านี้คือเครื่องอำนวยความสุขที่ทำให้ห้องสุขาเป็นห้องแห่งความสุขจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อย้อนกลับไปเทียบกับความโกลาหลในการแย่งกันเข้าห้องน้ำในบ้านเก่าทั้งสองหลังที่ทั้งบ้านมีอยู่ห้องน้ำอยู่ห้องเดียว นึกย้อนไปถึงกระโถน อุปกรณ์ประจำตัวที่กลายเป็นอดีต เพราะต่อไปนี้ไม่มีใครต้องย่องลงมาเข้าห้องน้ำชั้นล่างในยามค่ำคืนให้เป็นที่น่าหวาดเสียว ความจำเป็นของกระโถนจึงไม่มีอีกต่อไป เด็กสมัยนี้จะรู้จักกระโถนและประโยชน์ที่แท้จริงของมันกันหรือไม่หนอ

ในขณะเดียวกันธนาคารก็ได้รับแจ้งจากทางราชการกองทัพอากาศไทยให้เร่งหาที่ทำการใหม่เนื่องจากทางกองทัพอากาศไทยต้องการใช้พื้นที่ใน บ.น. 6 เพื่อใช้ทำประโยชน์ในราชการทหาร พูดภาษาชาวบ้านก็คือถูกไล่ที่ ซึ่งอาจเป็นมาตรการบีบคั้นอย่างหนึ่งเพราะช่วงนั้นเริ่มมีการลดกำลังทหารอเมริกันที่ประจำอยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในญี่ปุ่นและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ลงตามแรงกดดันทั้งจากคนอเมริกันในประเทศอเมริกาเองและในประเทศที่อเมริกันมีฐานทัพอยู่ ส่วนในประเทศไทยนั้น ก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวโดยนิสิตนักศึกษาคัดค้านข้อตกลงที่รัฐบาลยอมให้อเมริกันใช้ฐานทัพในไทยไปทำสงครามในประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่องและเพิ่มความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ

เมื่อกองบัญชาการร่วมของอเมริกันถูกย้ายออกจากบริเวณ บน. 6 ธนาคารเชสจึงจำเป็นต้องปิดส่วนบริการธนาคาร (Banking Services) สาขาดอนเมืองลงไปด้วย ส่วนงานที่เหลืออยู่คืองานสนับสนุนกิจการสาขาในต่างจังหวัดและการบริหารกลางหรือที่เรียกว่า Central Administration Office - CAO ก็ได้ย้ายมาอยู่ที่ชั้น 4 ตึกทอมมี่ทัวร์ ถนนศรีอยุธยาแทนพนักงานส่วนหน้าเกือบทั้งหมดที่ดอนเมือง ต้องตกงานไปโดยปริยาย มีเหมือนกันที่ได้รับการโยกย้ายมาทำงานส่วนหลัง แต่ก็เพียงไม่กี่คน คนที่ตกงานก็เสียใจแม้จะได้เงินชดเชยในอัตราที่สูงกว่าที่กฎหมายกำหนดก็ตาม คนที่อยู่รอดก็ตีหน้าเศร้าแม้ว่าในส่วนลึกจะโล่งใจที่อยู่รอด ลงขันเก็บเงินกันคนละเล็กคนละน้อยเอาไปเลี้ยงส่งคนตกงาน นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันมีประสบการณ์กับการที่คนมีงานทำโดยสุจริตต้องตกงานไปโดยไม่สมัครใจไม่ได้ทำผิด เพียงแต่เขาเหล่านั้น ไปอยู่ในตำแหน่งและจังหวะเวลาที่ไม่ถูกต้องเท่านั้น ในขณะนั้นฉันมิได้ฉุกคิดเลยว่าต่อมาอีกเกือบสามสิบปี ฉันจะได้พบได้เห็นคนทำงานเป็นหมื่นทั้งชายทั้งหญิง ทั้งที่เป็นหนุ่มเป็นสาว เป็นโสด เป็นผัว เป็นเมีย ต้องมาตกงานไปเกือบจะพร้อม ๆ โดยไม่สมัครใจไม่ได้ทำผิด เพียงแต่เขาเหล่านั้น ไปอยู่ในตำแหน่งและจังหวะเวลาที่ไม่ถูกต้องเท่านั้น
พอได้ย้ายเข้ามาทำงานในเมืองฉันก็คิดที่จะซื้อรถยนต์ เป็นจังหวะที่มีคนเอารถดัทสันซันนี่ คูเป้สองประตู เกียร์กระปุก สีเหลืองสดใส รุ่นประกอบนอกซึ่งเป็นรถที่มีวิ่งอยู่ในเมืองไทยไม่เกิน 20 คันเท่านั้นมาเสนอขาย ฉันนั้นเมื่อเห็นก็ชอบทันที่ ลงทุนต่อรองราคาคนในที่สุดก็ตกลงกันได้ที่ 48,000 บาทสำหรับรถที่ใช้ยังไม่ถึงปีถือว่าไม่ถูกไม่แพง ตอนนั้นน้ำมันเบนซินซูเปอร์มีราคาลิตรละ 2 บาทกว่า ผู้คนก็บ่นกันหนักหนาว่าน้ำมันแพง มีบางคนถึงขั้นตั้งสัตย์ปฏิญาณว่าหากวันใดน้ำมันเบนซินมีราคาเกินกว่า 5 บาทจะขายรถทิ้งแต่ก็ยังเห็นคนเหล่านั้นยังคงขับรถส่วนตัวอยู่จนถึงทุกวันนี้ที่ราคาน้ำมันเบนซินซูเปอร์มีราคาลิตรละเกือบ 50 บาท

ปัญหาของฉันในขณะนั้นคือเงินที่ฉันเก็บหอมรอมริบไว้มีอยู่ไม่ถึงหมื่น ขนาดลงทุนตั้งแชร์ขึ้นมาวงหนึ่งเรียกเก็บมือละ พันอ้อนวอนแกมบังคับให้คนมาเล่นได้เพียงยี่สิบคน ได้เงินมารอบแรกในฐานะเท้าแชร์เป็นเงินสองหมื่น ก็ยังไม่พออีกนั่นแหล่ะ หันซ้ายหันขวาไม่รู้จะทำอย่างไร จึงต้องบากหน้าไปขอยืมป๋า ที่ต้องขอยืมเพราะรู้ดีว่าขอเฉย ๆ แกไม่มีทางให้ พูดกันอยู่หลายครั้ง สองสามครั้งแรกป๋าทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินท่าเดียว จนในที่สุดทนรำคาญไม่ไหวด้วยฉันใช้กลยุทธตื้อครองโลกหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ ป๋าก็เขียนเช็คเงินสดมาให้ 1 ใบเป็นเงินสองหมื่นบาท ฉันดีใจสุดขีดด้วยเป็นเงินก้อนโตที่สุดในชีวิตที่ได้รับจากป๋าถึงขั้นก้มลงกราบแทบเท้าซึ่งเป็นการกราบเท้าป๋าเป็นครั้งแรก ครั้งที่สองคือเมื่อฉันกราบรับผ้าไตรจากแก และครั้งสุดท้ายที่ทิ้งช่วงห่างกันเกือบ 30 ปี คือหลังจากที่ฉันแต่งตัวผูกเน็กไท ใส่เสื้อนอกให้ป๋าเสร็จ ในคืนที่ป๋าจากพวกเราไปอย่างไม่มีวันกลับ

จากนั้นเป็นต้นมาฉันก็เลยมีรถขับเป็นคันแรกโก้อย่าบอกใครเลย รถคันนี้ถือเป็นรถคู่บุญด้วยเป็นรถที่ฉันใช้ติดต่อกันยาวนานถึงกว่า 10 ปี สำหรับเงิน 20,000 บาทที่ป๋าให้มา ฉันยังไม่ได้ใช้คืนจนทุกวันนี้ แต่แกก็ได้เงินคืนไป ด้วยวิธีใดนั้นจะเล่าในภายหลัง

เมื่อฉันมีรถขับไม่นาน แม่ก็ทนไม่ได้อยากได้รถบ้าง แม่ใช้ลูกอ้อนหรือท่าบังคับป๋าอีท่าไหนก็ไม่รู้ ป๋าจึงยอมควักกระเป๋ากว่าเจ็ดหมื่นบาทซื้อรถใหม่เอี่ยมให้มา 1 คัน เป็นรถโตโยต้าโคโรน่าสี่ประตูซึ่งถือว่าสวยงามและทันสมัยมาก แม่ได้ใช้รถคันนี้ขับเที่ยวเตร่ไปในที่ต่าง ๆ แต่งานหลักคือใช้ขับรับส่งนายปั้นซึ่งได้เข้าเรียนที่โรงเรียนเซ็นคาเบียล สามเสน จนกระทั้งจบชั้นมัถยมปลายสอบเข้าเรียนต่อได้ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ แม่ก็ยังให้บริการรับส่งนายปั้นกันอยู่จนกระทั่งนายปั้นเรียนจบปริญญาตรี ด้วยเหตุที่แม่เลี้ยงนายปั้นเป็นลูกแหง่ ตามรับตามส่งกันตลอดเวลาตั้งแต่เด็กจนโตเป็นหนุ่ม นายปั้นจึงกลายเป็นคนที่ขึ้นรถเมล์ไม่เป็นจนทุกวันนี้อายุเกือบห้าสิบแล้วยังไม่เคยเห็นนายปั้นขึ้นรถเมล์ไปไหนสักครั้ง นอกจากนั้นยังเป็นผู้ใหญ่ติดแม่ไม่ยอมไปไหนอยู่กับแม่ ให้แม่ทำกับข้าวให้กินแถมยังเอาใส่กล่องข้าวไปกินที่ทำงานจนถึงทุกวันนี้

แม่เลิกตีฉันอย่างเด็ดขาดเมื่อฉันเริ่มเรียนชั้นมัธยม แต่ยังคงบ่นว่าอยู่ทุกครั้งที่มีโอกาสอันสมควร วิธีทำโทษแบบใหม่ที่แม่นำมาประยุกต์ใช้กับฉันในช่วงวัยรุ่นคือการ "ไม่พูดด้วย" เมื่อฉันทำอะไรไม่ถูกใจแม่ทั้งในกรณีที่รู้และไม่รู้ตัว แม่จะใช้วิธีเงียบ มองผ่านเลยฉันไปเหมือนกับว่าฉันไม่มีตัวตน การเงียบนี้จะเป็นอยู่ครั้งละนานเป็นเดือน ๆ ครั้งสุดท้ายจำได้ว่าก่อนที่จะจบพาณิชย์แม่ไม่พูดกับฉันเกือบหกเดือน ด้วยเหตุที่ฉันขับรถป๋าฉวัดเฉวียนเกินไป แม่ซึ่งนั่งลุ้นจนตัวโก่งอยู่หลังรถแบบคนที่เพิ่งจะขับรถเป็นเหมือนกัน ในที่สุดก็ทนไม่ได้ออกคำสั่งให้ฉันจอดจะลงนั่งแท๊กซี่ไปเอง ฉันก็เถรตรงจอดรถ แม่ก็เปิดประตูลงไปจริง ๆ มิใยที่ป๋าซึ่งนั่งไปด้วยจะตามลงไปง้องอนอย่างใดก็ไร้ผล

อย่างไรก็ดี เมื่อฉันเรียนจบพาณิชย์ แม่ซื้อนาฬิกาข้อมือออโตเมติกของญี่ปุ่นเป็นของขวัญให้ฉันหนึ่งเรือนถือเป็นการขอสงบศึกสิ้นสุดยุคการทำโทษทุกชนิดลงอย่างสิ้นเชิง

เมื่อป๋าหมดเวรหมดกรรมพ้นทุกข์และจากพวกเราไปอย่างสงบ ทั้งฉันและแม่ต่างก็รู้สึกแก่เฒ่าลงไปด้วยกัน เมื่อมีโอกาสพูดคุยกันถึงเรื่องความหลัง แม่มักเป็นฝ่ายเข้ามาลูบหลังลูบไหล่ถามฉันเสมอว่าโกรธหรือไม่ที่ถูกแม่ตีตอนเด็ก ๆ ฉันจะตอบไปว่า ไม่โกรธเพราะรู้ว่าแม่ตีเพราะรัก ถ้าแม่ไม่ตีคงไม่ได้ดีจนเช่นทุกวันนี้ แม่ไม่ได้ร้องไห้ เพียงแต่ทำตาแดง ๆ โดยปกตินั้นยากนักที่ใครจะเห็นแม่ร้องไห้ ตัวฉันเองเคยเห็นแม่ร้องไห้จัง ๆ เพียงครั้งหรือสองครั้ง ครั้งหนึ่งเมื่อฉันยังเด็กมาก เป็นเวลากลางคืน แม่ปลุกฉันขึ้นมากลางดึก นั่งร้องไห้น้ำตาไหลพราก ๆ อยู่ข้าง ๆ ฉันไม่รู้ว่าแม่ทะเลาะกับป๋าเรื่องอะไรแต่ต้องเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อฉันงัวเงียลุกขึ้นนั่งแม่ก็เข้ามาเขย่าตัวฉันไปมา แล้วถามซ้ำซากว่า "โป๋จะอยู่กับใคร จะอยู่กับป๋าหรือไปตายเอาดาบหน้ากับแม่" ฉันจำไม่ได้แน่นอนแล้วว่าตอบแม่ไปว่าอย่างไร จำได้เพียงว่ารู้สึกงัวเงียเพราะง่วงแต่ก็ตกใจและงงมาก นี่เองเป็นเหตุให้ฉันเข้าใจความรู้สึกของแม่พลอยในคืนที่ถูกแม่ปลุกขึ้นมากลางดึกที่บ้านคลองบางหลวงได้เป็นอย่างดีคืนนั้นแม่มิได้จากบ้านไปที่ไหนเพราะป๋าตามมาง้องอนอยู่พักใหญ่ ๆ ทีแรกแม่ก็ไม่ยอมตะบึงตะบอนเก็บผ้าเก็บผ่อนยืนกรานจะไปท่าเดียว ผลสุดท้ายเป็นอย่างไรฉันไม่รู้เพราะหลับไปเสียก่อน แต่เมื่อตื่นขึ้นในเช้าวันถัดมา ก็เห็นแม่ยังอยู่ ทำกิจธุระประจำวันไปตามปกติเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

อีกครั้งที่เห็นแม่ร้องไห้จะจะคือเมื่อตอนที่บ้านเอกมัยถูกไฟไหม้ แม่ลงนั่งทรุดกับพื้นแล้วร้องไห้คร่ำครวญว่า "หมดสิ้นกัน…หมดกันแน่คราวนี้"

จากคุณ : แมงกะพรุน - [13 มิ.ย. 45 05:26:21 A:203.149.40.131 X:]

ความคิดเห็นที่ 1
การไม่พูดด้วย นี่เป็นหลักวิชา สุดยอดชนิดหนึ่ง "ใช้ความสงบ สยบความเคลื่อนไหว" ทีร้ายกาจสุดยอดไม่ลงมือยิ่งกว่าลงมือ เวิ้งว้างว่างเปล่าไร้พรมแดนเพิ่งใช้ต้นเดือนกับนักเรียนกลุ่มหนึ่ง ทั้งกลุ่ม(ผิดอะไรช่างเถอะ) เข้าสอนจะไม่พูดด้วย ไม่มอง ไม่สนใจ ไม่เดินไปใกล้ ไม่ถาม ไม่อะไรทั้งนั้น งานก็ไม่แจกให้ทำตัวเหมือนทั้งกลุ่มเป็นอากาศธาตุแรกๆเด็กก็สนุกสนาน ไม่ต้องทำงาน(เพราะไม่ให้งานทำ) ผ่านไปอาทิตย์หนึ่งภายใต้แรงกดดันไร้สภาพเด็กกลุ่มนั้นยกกลุ่มมาหาที่ห้องพัก มานั้งร้องไห้น้ำตาไหลพรากแต่ไม่พูดอะไรเหมือนกัน โห...เด็กใช้หลักวิชาใช้น้ำตาสยบความสงบนิ่งนิ่ง คือไม่พูด เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียวหลังจากพยายามใช้หลักความเงียบสงบสยบน้ำตาพักหนึ่ง ก็ยอมแพ้เด็กเลยสั่งสอนแล้วก็ดีกันเหมือนเดิม 55555555 จากโป้งเป็นก้อย
เรื่องเลยจบแบบแฮปปี้ทั้งสองฝ่าย แม้จะแพ้เด็กก็เป็นการแพ้ที่ดีแต่สรุปว่า "หลักวิชาสงบนิ่ง แพ้หยดน้ำตา" ^_^
จากคุณ : GTW - [13 มิ.ย. 45 05:51:35 A:203.144.143.254 X:202.133.172.39]

ความคิดเห็นที่ 2
sentimental นะคะตอนนี้....และเชื่อเหมือนกันค่ะว่า ทุกชีวิตได้ถูกลิขิตไว้ล่วงหน้าเพราะ..คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า เรามีวิบากกรรมเป็นเครื่องชี้ และ เฉพาะตัวที่สุดด้วย ขอบคุณ ที่แบ่งปันความงามของการเขียนให้พวกเราชื่นชมอีกตอนค่ะ ขอคุณพระคุ้มครองสุภาพคุณแมงกะพรุนตลอดไป
จากคุณ : เพื่อนร่วมยุค (ปราณ) - [13 มิ.ย. 45 06:22:00 ]

ความคิดเห็นที่ 3
จะตามอ่านไปเรื่อยๆค่ะ
จากคุณ : ~:พุดน้ำบุศย์:~ - [13 มิ.ย. 45 08:05:12 ]

ความคิดเห็นที่ 4
ไม่เคยโดนแม่ตีเลยสักครั้งตั้งแต่เด็กจนโต หรืออาจโดนบ้าง แต่ก็จำไม่ได้เสียแล้วแม่เป็นคนอ่อนโยนและมีแววปราณีกับลูก ๆ เสมอแม้จะบ่นว่าไปบ้างตามประสาผู้หญิง...แต่ก็เพื่อให้ลูกเป็นคนดีเท่านั้นเอง...พูดถึงเรื่องพ่อทะเลาะกับแม่ เคยเจอเหมือนกันตอนเด็ก ๆ จำได้ว่าเคยเจอคำถามนี้เหมือนกัน แต่ตอนนั้นไม่รู้เหมือนกันว่าตอบแม่ไปว่าอย่างไร แต่ตอนนี้ก็เห็นยังอยู่ด้วยกันดี..ชีวิตคู่ย่อมกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดานะคะ
จากคุณ : บุษบามินตรา - [13 มิ.ย. 45 09:58:49 ]

ความคิดเห็นที่ 5
ในความรู้สึกของโอ้โฮนะคะ การถูกแม่ตีดีกว่า "ถูกไม่พูดด้วย" หลายเท่าเลยค่ะ
จากคุณ : O-HO - [13 มิ.ย. 45 11:30:26 A:203.144.143.254 X:202.133.167.94]


ความคิดเห็นที่ 6
ลิงค์ร้อนๆมาแล้วค่ะ
ตอนที่ 25
http://pantip.inet.co.th/cafe/writer/topic/W1555260/W1555260.html
จากคุณ : JW (Chelsey) - [13 มิ.ย. 45 11:39:56 ]

ความคิดเห็นที่ 7
ใช้วิธีเดียวกับคุณแม่ของพี่แมงกะพรุนค่ะ แต่โกรธยาก แล้วก็ถ้าโกรธใครก็ไม่นานน่ะ เลยเงียบไม่ได้นาน ฮ่าๆๆ ถ้าให้เลือกตอบได้เลยว่า จะอยู่กับพ่อค่ะแม่คงตีตายเลยนะเนี่ยแต่พ่อกับแม่ยังรักกันดีอยู่ค่ะ พี่แมงกะพรุนขยันเขียนสม่ำเสมอดีจังนะคะ รอนางเอกออกโรงอยู่ค่ะ พักผ่อนมากๆนะคะ
จากคุณ : JW (Chelsey) - [13 มิ.ย. 45 11:47:08 ]

ความคิดเห็นที่ 8
คนใกล้ชิดครอบครัวหนึ่งก็ใช้วิธีทำโทษโดยไม่พูดกับลูกค่ะ โดยส่วนตัวแล้ว ไม่ชอบวิธีนี้เลย ถ้าลูกคิดได้ก็ดีไปแต่ถ้าลูกคิดไม่ได้เตลิดเปิดเปิงไป จะทำยังไงถึงตอนนั้นคนที่เสียใจที่สุด ก็คงไม่แคล้วต้องเป็นพ่อแม่อยู่ดี
จากคุณ : โคอาร่า - [13 มิ.ย. 45 13:30:33 ]

ความคิดเห็นที่ 9
ตอนนี้ก็กำลังถูกเจ้านายโกรธ และใช้วิธีการเดียวกันเลย คือ "ไม่พูดด้วย" มาหลายวันแล้ว อดีตเลขาเก่าอย่างพี่แมงกะพรุน มีวิธีการแนะนำบ้างไหมเอ่ย.
จากคุณ : หนูน้อยอาราเร่ - [13 มิ.ย. 45 14:21:18 A:203.146.8.75 X:10.10.21.26]

ความคิดเห็นที่ 10
^-^ "ไม่พูดด้วยเหรอ เราก้อจะรีบเข้าไปง้อไปพูดๆๆๆ จน เค้าพูดด้วยนั่นแล ^-^
จากคุณ : T.time - [13 มิ.ย. 45 14:50:51 ]

ความคิดเห็นที่ 11
เมื่อเช้าเพิ่งดูข่าวนางแบบคนสวยเมายาดองตีกับแม่ โดนแม่แจ้งตำรวจจับไปนอนโรงพัก ในภาพใส่ชุดนอน ฟู ๆ โห ตำรวจโรงพักนั้นคงถ่างตาเฝ้าไม่ให้คลาดสายตา คืออยากจะบอกว่าเกิดเป็นลูกนั้นต้องรับกรรมที่พ่อแม่ได้สร้างไว้ ถ้าลองสังเกตดูจะเห็นว่าบาปบางอย่างจะไปลงที่ลูกเสมอ ที่เห็นได้ง่ายๆ คือใครที่เคยทำกับพ่อแม่ไว้อย่างไร มักจะโดนลูกตัวเองทำเอาอย่างนั้นบ้าง ทั้งๆ ที่ลูกไม่เคยรู้เลยว่าพ่อแม่ตัวเองได้เคยทำอะไรไว้กับปู่ย่าตายาย ที่น่าอึดอัดและเห็นว่าไม่ยุติธรรมก็คือ พ่อแม่จะต้องเป็นฝ่ายถูกต้องเสมอ ลูกไม่มีสิทธิโกรธพ่อแม่ หรือโต้เถียงเพราะจะถูกสังคมประนามและถือว่าบาปหนัก ทั้งๆที่บางครั้งพ่อแม่เป็นฝ่ายทำผิดต่อลูกอย่างชัดแจ้ง แต่ลูกจะต้องยอมรับความผิดอันนั้นแบบหน้าชื่นอกตรม ส่วนใหญ่จะกลายเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ที่มีปัญหาเมื่อโตขึ้นและก็จะไปลงกับลูกตัวเองเป็นทอดๆ ไป การจะเป็นพ่อแม่คนที่ดีและให้ลูกของตนเติบใหญ่เป้นคนดีมีคุณค่าแก่สังคมได้นั้นต้องอาศัยคุณสมบัติและปัจจัยมากมาย รวมทั้งการเสียสละที่ยิ่งใหญ่มาก ขอสรรเสริญพ่อแม่ที่มีคุณสมบัติเหล่านี้ครับ
จากคุณ : มูโจ้ - [13 มิ.ย. 45 16:00:21 A:203.144.144.233 X:203.144.134.11]

ความคิดเห็นที่ 12
เวลาเจอคำถาม "โกรธรึเปล่า โกรธแน่ๆเลย" เราก็จะทำหน้าเฉยๆ แล้วตอบไปว่า "รู้ แล้วถามทำไม"
จากคุณ : Licht (Miran) - [13 มิ.ย. 45 19:50:12 ]

ความคิดเห็นที่ 13
อือ อ่านแล้วอึ้งๆค่ะ ตอนนี้ไอซ์อ่านหนังสือเรื่อง A Child called 'It' ซึ่งเป็นเรื่องที่เขียนจากชีวิตจริงในสมัยเด็กของ ผู้เขียน ซึ่งก็คือ Dave Pelzer ของพี่แมงกะพรุน หรือ ของคนอื่นๆ รวมทั้งไอซ์ด้วย ((ตอนเด็กๆโดนตีประจำเหมือนกัน อิอิ)) พ่อแม่ตีเพราะรัก แต่อ่านเรื่อง A Child called 'It' ซึ่งเป็นเรื่องของเด็กชายที่ถูก abuse แล้วรู้เลยว่า เราและหลายๆคนโชคดีมากกว่า เด็กที่ถูกเลี้ยงมาโดยปราศจากความรักจากแม่เลย เด็กคนนี้ได้กินข้าว สามวันต่อครั้ง ต้องทำงานบ้านหลายอย่างโดนทุบตีบ่อยครั้ง โดนแม่เขย่าจนแขนหัก ถูกแม่แทงท้องด้วยมีดทำครัวถูกรมด้วยควันพิษ ป้อนด้วยแอมโมเนีย ฯลฯ โดยที่พ่อก็ไม่สามารถจะช่วยเหลืออะไรได้มากนัก ได้แต่ให้สัญญาลมไว้ว่า สักวันจะพาเขาให้พ้นไปจากนรกนี่.อ่านไปร้องไห้ไป ไม่นึกว่า ชีวิตคนเราจะเจอได้ขนาดนี้...แหะๆ นอกเรื่องค่ะ พอดีอ่านที่พี่แมงกะพรุนพูดถึงเรื่องว่า แม่เลิกตี แล้วสะกิดขึ้นมาน่ะค่ะ
ปล. รอดูนางเอกอยู่เหมือนเดิมค่ะ ไอซ์ชอบห้าวๆ 5555
จากคุณ : Clear Ice - [13 มิ.ย. 45 20:41:45 ]

ความคิดเห็นที่ 14
ใช่ๆ รอนางเอกอยู่เหมือนกัน นึกว่าจะออกมาตอนนี้ซะอีก คุณแม่คุณแมงกะพรุนใช้กลยุทธ์เดียวกับแม่เราเลย รึว่าจะเรียนมาจากสำนักเดียวกัน ใจแข็งเหมือนกันด้วย วันก่อนยังปีนหลังคาบ้านขึ้นไปดูว่าฝนรั่วตรงไหนอยู่เลย โอ้ แม่เรา อายุไม่ใช่อุปสรรค
จากคุณ : Rhino (belissima) - [14 มิ.ย. 45 03:52:58 ]

ความคิดเห็นที่ 15
อ่านมา ๒๖ ตอนแล้วนะคะคุณแมงกะพรุน ยังไม่เจอนางเอกเลยค่ะ ไม่ได้กลับไปอ่านในกระทู้ก่อนที่ถามว่ากลับบ้านบ้างหรือเปล่า บอกตรงๆนะคะหมูแดงยังไม่มีโปรแกรมกลับบ้านเลยค่ะ อันที่จริงก็เพิ่งมาไม่นานนี้เอง ยังไม่คิดจะกลับเมืองไทย มีแต่โปรแกรมเที่ยวเต็มเหยียดไปหมดเลยค่ะ ขอบคุณที่กรุณาถามถึงนะคะ แต่เอ๊ะ.. ทำไมรู้ล่ะว่ามาจากห้องแม่บ้านฯ รักษาสุขภาพนะคะ จะตามอ่านต่อไปไม่ย่อท้อค่ะ
จากคุณ : หมูแดงจ้ะ - [15 มิ.ย. 45 01:00:18 ]

ความคิดเห็นที่ 16
ขอขอบคุณสำหรับทุกความเห็น ที่เป็นเหมือนยาชูกำลังให้นั่งเรียงร้อยอดีตตอนต่อไป แต่ชักไม่ง่ายเพราะใกล้คน ใกล้เหตุการณ์
ที่เป็นปัจจุบันเข้ามาทุกที..ทุกที
ด้วยความปรารถนาดี
จากคุณ : แมงกะพรุน - [15 มิ.ย. 45 01:19:58 A:203.107.246.58 X:]

ไม่มีความคิดเห็น: