วันจันทร์, สิงหาคม 18, 2551

เรื่องของฉัน ตอนที่ 25

ตอนที่ 25

ในช่วงกลางของทศวรรษที่ 60 ทหารอเมริกันซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นทหารอากาศ ได้เข้ามาตั้งฐานทัพอยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศไทยเพื่อใช้เป็นฐานที่ตั้งในการส่งเครื่องบินไปบินถ่ายรูปสอดแนมหรือทิ้งระเบิดใน เวียตนาม ลาว และบางทีก็มีแถมเขมรเข้าไปด้วย ประมาณการกันว่าในช่วงเวลาดังกล่าว มีทหารอเมริกันอยู่ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้รวม ๆ กันกว่าห้าแสนคน สำหรับในประเทศไทยนั้นเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปอเมริกันมีฐานทัพทั้งที่เปิดเผยและปกปิดรวมทั้งสิ้นประมาณ 15 แห่ง อยู่ที่ กรุงเทพ (บ.น. 6 ดอนเมือง) เป็นศูนย์บัญชาการร่วมไทย-สหรัฐและเป็นฐานส่งกำลังบำรุงการรบหรือที่เรียกกันว่า (Combat Support Group) ฐานทัพอากาศที่โคราชเป็นฐานบินของเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดปีศาจเวหา (แฟนทอม-เอฟ 4) มีกำลังคนประจำการอยู่ประมาณสี่พันคน ใกล้ ๆ กันทหารอเมริกันมีสนามบินอีกแห่งอยู่ที่อำเภอตาคลี เป็นฐานบินของเครื่อง เอฟ 4 และ แฟนท่อมรวมกันประมาณแปดสิบลำ มีทหารประจำการประมาณห้าพันคน ต่อไปเป็นสนามบินลับตั้งอยู่ที่อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น เป็นฐานบินของเครื่อง เอฟ-105 มีทหารประจำการประมาณสองพันคน จากขอนแก่นไปประมาณ 110 กิโลเมตรเป็นค่ายสื่อสารมีชื่อเก๋ไก๋ว่า "ค่ายรามสูร" มองจากข้างนอกเข้าไปจะเห็นเป็นรั้วเหล็กรูปวงกลมสูงใหญ่กว้างประมาณ 4-5 สนามฟุตบอลรวมกัน ซึ่งใช้ในการดักฟังการสื่อสารของประเทศค่ายคอมมิวนิสต์ทั้งหมดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และครอบคลุมไปถึงประเทศจีนและโซเวียตรัสเซียสมัยที่ยังไม่แตกกระจายเป็นประเทศเล็กประเทศน้อยเช่นในปัจจุบัน มีทหารประจำการประมาณพันคนเป็นพวกทหารบก ที่เป็นส่วนปฏิบัติการจริง ๆ ตั้งอยู่ใต้ดินอีกทีไม่มีคนนอกคนใดเข้าไปได้

จังหวัดอุดรธานีอเมริกันมีฐานบินขับไล่สกัดกั้นและสอดแนม (Tactical & Reconnaissance Squadron) ใช้เครื่องแฟนท่อมเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนั้นยังมีเครื่องบินสอดแนมพวก ยู-2 และ SR-71 ประจำการอยู่ด้วย มีทหารประจำการประมาณหกพันคน ถัดจากอุดรไปก็เป็นฐานบินนครพนม มีทหารประจำการสี่พันคนมีภาระกิจในการโจมตีเส้นทางลำเลียงเชื่อมต่อระหว่างเวียตนามเหนือและเวียตนามใต้ วกลงมาทางอีสานใต้ อเมริกันมีฐานทัพใหญ่อยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี มีทหารประจำการอยู่ประมาณ ห้าพันคน ภาคตะวันออกมีฐานทัพอากาศขนาดใหญ่ที่ขึ้นชื่อลือชาอยู่ที่ อู่ตะเภามีเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดยักษ์ (บี-52 อ่านว่า บีฟิ้ฟตี้ทู) ประจำการอยู่ประมาณสิบกว่าลำ แต่ละลำมีราคากว่าร้อยล้านบาท มีทหารประจำการอยู่ถึงหกพันกว่าคน
นอกจากเครื่องบินรบและเครื่องบินสอดแนมทั้งหลายแล้ว ยังมีเครื่องขนส่งที่คนไทยเรียกว่าหมูบิน (ซี-130 อ่านว่า ซีวันเทอร์ตี้) และ เครนบิน เป็นเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ขนาดใหญ่สองใบพัดใช้ในภาระกิจขนย้ายยุทธปกรณ์หนัก ๆ เช่นรถถังเป็นต้นเรื่องชื่อฐานทัพต่าง ๆ ที่บันทึกไว้ข้างต้นนี้ ฝรั่งอ่านออกเสียงได้ใกล้เคียงกับภาษาไทยหมด เช่น ดอนเมือง จะอ่านออกเสียงเป็น "ดอนมอง" อุบล เป็น "ยูบอน" อุดร เป็น "ยูดอน" อู่ตะเภาจะออกเสียงเป็น "ยูตาเพา" ที่เพี้ยนมากหน่อยคือ รามสูร ฝรั่งเรียกเป็น “รามาซาน” แต่ที่ปราบเซียนจริง ๆ คือ นครพนม ฝรั่งออกเสียงไม่ถูกเลยพาลเรียกย่อ ๆ เป็น "เอน.เค.พี" รู้แล้วรู้แรดไปเลย

การติดต่อสื่อสารระหว่างฐานทัพต่าง ๆ ของอเมริกัน หากจะต้องทำเป็นเอกสารส่งถึงกันแล้วละก็ จะมีรหัสเรียกชื่อฐานทัพต่าง ๆ รู้กันเป็นการภายในว่ารหัสใดหมายถึงฐานทัพใด ตั้งอยู่ในประเทศใด โดยไม่ต้องออกชื่อ ผู้ที่ไม่คุ้นเคยดูอย่างไรก็ไม่มีทางรู้ว่าจุดหมายปลายทางคือที่ใด แต่ละกองทัพของอเมริกันจะมีระบบไปรษณีย์ของตนเอง ของกองทัพอากาศแถบประเทศในเอเซียแปซิฟิค มีศูนย์ไปรษณีย์อยู่ที่ San Francisco รหัสไปรษณีย์จึงใช้ แอร์ฟอซ โพสตอล อ๊อฟฟิส โค๊ด (Air Force Postal Office Code) ย่อเป็น APO เท่าที่จำได้ก็มีของ อู่ตะเภา รหัสเป็น APO San Francisco 96330 ของอุดร APO San Francisco 96237 หากจะส่งจดหมายถึงฉันที่ฐานบินจังหวัดอุดรธานีจะต้องจ่าหน้าดังนี้

Mr. Jelly-fish
The Chase Manhattan Bank, N.A.
Military Finance Facilities
APO San Francisco 96237

โดยสรุปอเมริกันมีทหารกระจัดกระจายอยู่ตามฐานทัพต่าง ๆ ในประเทศไทยรวม ๆ ประมาณ สี่หมื่นกว่าคน อาจมีข้อสงสัยว่าทำไมถึงได้มากมายขนาดนั้นจึงต้องขยายความไว้ที่นี้ว่า อเมริกันนั้นมีความเชื่อในระบบที่เรียกว่า รีดันแด้นซ์ คือทำอะไรต้องมีตัวสำรองหรือตัวตายตัวแทน ทุกย่างต้องมีคู่ นอกจากนั้น อเมริกันยังเป็นพวกสำรวยมาศึกสงครามทั้งทีต้องเอาอกเอาใจกันสุด ๆ การส่งกำลังบำรุงต้องสมบูรณ์พูนสุขให้ทหารคิดถึงบ้านน้อยที่สุด ในแต่ละฐานทัพที่กล่าวมาเปรียบไปก็เหมือนกับเมือง ๆ หนึ่งในประเทศสหรัฐหรือที่พวกจีไอเรียกแบบหลงตัวเองสุด ๆ กันไปเลยว่า "เดอะ เวิร์ด" หมายถึงโลก คือถือว่าอเมริกาเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง อะไรที่อยู่นอกประเทศอเมริกาถือว่าอยู่นอกโลกตกขอบไปเลย ในแต่ละฐานทัพจะมี กองบัญชาการ มีหน่วยทหารช่างทั้งซ่อมบำรุงอากาศยานยุทธปัจจัยและซ่อมบำรุงอุปกรณ์ อาคารสถานที่ทั่วไป มีหน่วยทหารสื่อสาร มีหน่วยเจ้าหน้าที่การเงิน มีโรงพยาบาลขนาดใหญ่มีหมอมีพยาบาล มีสถานีวิทยุ เอฟ เอม ส่งกระจายเสียงตลอด 24 ชั่วโมง มีสโมสร มีโบสถ์ มีโรงหนัง มีที่ทำการไปรษณีย์ มีแม้กระทั่ง คุก ไว้ขังทหารที่ทำผิดระเบียบวินัย ด้วยเหตุนี้แต่ละฐานทัพจึงจำต้องมีจำนวนกำลังพลเป็นอันมาก

นอกจากทหารประจำการในเบสแคมป์แต่ละแห่งแล้ว ยังจะมีพวกเดินทางผ่าน (ทรานซิท) หรือพวกที่ลาพัก (อาร์แอนด์อาร์ ย่อมาจาก เรสท์ แอนด์ รีครีเอชั่น) อีกด้วย ทหารจากเวียตนามที่ได้ลาพักร้อยทั้งร้อยจะเลือกมาดื่มกินและเที่ยวในประเทศไทย ธนาคารที่ตั้งอยู่ในฐานทัพแต่ละแห่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ทหารทุกคนทั้งที่เป็นทหารประจำการและทหารที่เดินทางผ่านจะต้องแวะเวียนมาใช้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่เป็นวันเงินเดือนออกที่ฝรั่งเรียกกันว่าวันจ่าย (เพย์เด) ทหารชั้นผู้น้อยส่วนใหญ่จะนำเพย์เช็คหรือเช็คเงินเดือนมาแลกเป็นเงินกันเป็นอันมาก ธนาคารจะต้องเปิดให้บริการตั้งแต่ 6 โมงเช้าไปจนถึง 6 โมงเย็นโดยไม่มีเวลาหยุดพัก ส่วนใหญ่แล้วทหารจะมารอใช้บริการกันตั้งแต่ตี 4 หรือ ตี 5 ที่น่าชื่นชมคือทหารเหล่านี้จะยืน นั่ง หรือ นอนเข้าแถวกันอย่างเคร่งครัดและจะไม่มีการมั่ว หรือลัดคิวอย่างเด็ดขาด

จากปริมาณของทหารที่มาใช้บริการในวันเพย์เด ทำให้พนักงานแบ๊กอ๊อฟฟิสเกือบทุกคนรวมทั้งพนักงานจากแบ๊กอ๊อฟฟิสจากส่วนกลางจะถูกเกณฑ์ไปทำหน้าที่เทลเลอร์ ตามสาขาของธนาคารในเบสแค้มป์จังหวัดต่าง ๆ เพื่อให้มีจำนวนพนักงานพอเพียงที่จะให้บริการกับทหารเหล่านี้ คุณภาพของบริการเป็นเรื่องที่เกือบไม่มีใครพูดถึง ที่เน้นคือทำอย่างไรก็ได้ให้การจ่ายเงินตามเพย์เช็คเป็นไปได้อย่างรวดเร็วที่สุด ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการทำงานจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำโดยเฉพาะอย่างสิ่งที่เกิดจากพนักงานแบ๊กอ๊อฟฟิสที่ถูกเกณฑ์ไปทำหน้าที่เทลเลอร์เนื่องจากขาดความชำนาญความผิดพลาดทั้งหมดเกิดจากการจ่ายเงินให้ผู้เบิกเงินมากหรือน้อยเกินไป เมื่อสิ้นสุดการทำงานในแต่ละวัน พนักงานเทลเลอร์จะต้องทำปรู๊ฟ คือการทำงบกระทบยอดเพื่อพิสูจน์ว่ายอดเงินที่รับจ่ายในวันนั้นถูกต้อง หากถูกต้องลงตัวคือยอดเดบิตทั้งหมดหักยอดเครดิตทั้งหมดได้ผลเท่าใดจะต้องตรงกับยอดเงินสดที่คงเหลือ "โอเวอร์ไนท์แค๊ช" ที่อยู่ในกล่องเงิน "แค็ชบ๊อกซ์" หากตรงกันก็จะเรียกว่า "ปรู๊ฟแล้ว" ถ้าไม่ตรงก็ต้องดูว่าเกิดจากเงินขาดหรือเงินเกิน ถ้าเงินขาดคือเงินที่เหลืออยู่ในกล่องน้อยกว่าที่ควรจะเหลือเรียกว่า "ช๊อร์ต" ถ้ากลับกันเงินในกล่องเหลือมากกว่าที่ควรจะเหลือเรียกว่า "โอเวอร์" เมื่อเกิดโอเวอร์หรือซ๊อร์ตขึ้น พนักงานเทลเลอร์จะต้องเสียเวลาหาด้วยการนับเงินใหม่ หรือบวกกระทบยอดต่าง ๆ ใหม่ บ่อยครั้งจะเจอที่ผิดและแก้ไขให้ถูกต้องจนปรู๊ฟได้ ถ้าหาแล้วไม่พบจริง ๆ ก็ต้องลงในช่อง โอเวอร์หรือช๊อร์ต แล้วแต่กรณี มีเหมือนกันที่มีเงินเกินแล้วพนักงานนั้นรู้แน่ ๆ ว่าจ่ายให้ลูกค้าขาดไปฉวยโอกาสเอาเงินที่เกินนั้นใส่กระเป๋าตัวเอง หรือในกรณีที่รู้แน่ ๆ ว่าจ่ายเงินให้ลูกค้าเกินไปแถมเคยถูกคาดโทษไว้แล้วจำยอมควักกระเป๋าตัวเองใส่ไปเพื่อปกป้องความผิดก็มี การกระทำนี้มีศัพท์ภาษาอีสานเรียกการกระทำเช่นนี้ว่าการ "จกเติ่ม"

ฉันแปลกกว่าคนอื่นตรงที่ไม่มีโอกาสได้ไปช่วยงานเทลเลอร์เลย อาจเป็นได้ว่าทุกคนเห็นว่าฉันเป็นเด็กไม่มีปากเสียง จึงมักโหวตให้เฝ้าบ้านกับพวกผู้หญิง เนื่องจากการไปช่วยงานเทลเลอร์ในต่างจังหวัดนั้นจะได้เบี้ยเลี้ยงซึ่งจ่ายให้สูงถึงวันละ 200 บาทและเมื่อเลิกงานแล้วจะมีการดื่มกินเที่ยวเตร่กันอย่างหัวราน้ำเพราะไม่ต้องห่วงคนที่บ้าน เป็นอะไรที่สนุกสนานกว่าการอยู่โยงมาก

อย่างไรก็ตาม ฉันก็มีโอกาสได้รู้จักกับเพื่อน ๆ ในจังหวัดต่าง ๆ ทางโทรศัพท์ซึ่งทั้งหมดไม่เคยได้พบเห็นหน้ากันมาก่อน เหตุเนื่องจากระบบบัญชีที่ใช้อยู่นั้นเป็นการลงบัญชีที่ส่วนกลาง สาขาต่าง ๆ จึงมีหน้าที่เพียงการทำงบกระทบยอด แสดงความเคลื่อนไหวทางบัญชีเป็นยอดรวมเมื่อปิดงานทุกวัน ในเช้าของวันทำการถัดไป สาขาต่าง ๆ จะต้องโทรศัพท์เข้ามาแจ้งยอดทางบัญชีหรือที่เรียกกันว่า "เทเลโค๊ต" การรับเทเลโค๊ตเป็นงานที่น่าเบื่อ ฉันจึงมักจะได้รับเลือกให้ทำหน้าที่ "รับเทเลโค๊ต" คือจดตัวเลขลงในแบบงบกระทบยอดแล้วบวกพิสูจน์ให้ยอดเดบิตและเครดิตเท่ากัน ก่อนที่จะนำเอาตัวเลขนั้นไปลงเครื่องต่อไป การรับเทเลโค๊ตนี้เองทำให้ฉันได้มีโอกาสรู้จักกับคนตามสาขาหลายคน หนึ่งในนั้นเป็นหัวหน้าเทลเลอร์อยู่สาขาอุดรธานี ชื่อเด่นชัย เพื่อนรุ่นพี่คนที่ชื่อเด่นชัยนี้เองเป็นคนชักนำให้ฉันได้พบกับเนื้อคู่ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่ทำให้ชีวิตทั้งชีวิตของฉันแปรเปลี่ยนไป

จากคุณ : แมงกะพรุน - [10 มิ.ย. 45 16:04:56 A:203.121.148.10 X:]

ความคิดเห็นที่ 1
เข้ามาอ่านต่ออย่างเหนียวแน่นค่ะ @ ^_^ @ "เรื่องของฉัน" ตอนนี้ ได้รับทราบเรื่องราวเกี่ยวกับทหารอเมริกันและช่วงเหตุการณ์ในตอนนั้นมากเลยค่ะแต่ไม่รู้ยังไงไม่ทราบ ไม่ค่อยชอบพวกนี้เลย แหะ แหะ แล้วจะเข้ามาอ่านตอนต่อไปซึ่งเป็นตอนสำคัญต่อนะคะ
จากคุณ : O-HO - [10 มิ.ย. 45 18:42:51 A:202.133.167.5 X:]

ความคิดเห็นที่ 2
สวัสดีค่ะหายหน้าไปนานตั้งกะสองตอนแรก แบบกะว่าจะสะสมไว้อ่านกลัวไม่มัน จากเมื่อก่อนเป็นคนอ่านอะไรไม่เคยจบเลยสมาธิสั้น หนังสืออ่านนอกเวลางี้ไม่เคยอ่านจบเลย จบอยู่เล่มเดียวเกิดเป็นหมอเล่มบางๆ หลังๆถึงจะอ่านได้เป็นเล่มๆบ้าง จึงขอรวบยอดตอบทีเดียวละกันนะคะ
-ทราบเรื่องราวสมัยสงครามละเอียดจังเลย แล้วก็อธิบายซะเห็นภาพเลยค่ะ ดีจังจะได้เก็บไว้เป็นความรู้
-ตอนที่จบม.6จากคอนแวนต์ (เมื่อ 3 ปีที่แล้ว) บทสวด "วันทามารีอา เปี่ยมด้วยหรรศรัทธา พระสวามีสถิตย์กับท่าน" ซิสเตอร์ประกาศว่าได้มีการประชุมขึ้นและเปลี่ยนจากพระสวามีเป็นพระเจ้า คำว่าสวามีเป็นภาษาสันสกฤตแปลว่าผู้เป็นใหญ่จึงใช้คำนั้นมาตลอดตอนนั้นเห็นว่าลงมติเปลี่ยนกันเลยกลายเป็น "วันทามารีอา เปี่ยมด้วยหรรศรัทธา พระเจ้าสถิตย์กับท่าน" แล้วค่ะ
-พูดถึงซาสี่ตอนเด็กๆจำได้ว่าเคยกินอยู่ พอมันเลิกผลิตแล้วคิดถึงจริงๆ
-คุณแมงกะพรุนคะ ปลาสังควาสมันเป็นยังไงคะไม่เคยได้ยินเลย สงสัยต้องถามอาจารย์แล้วมั้งเนี่ย
-เห็นพูดถึงกรมอุตุตอนไปเที่ยว เทอมนี้ก็ได้ลงวิชาอุตุนิยมวิทนาพอดีเลย วิชานี้ถ้าให้พูดก็เป็นวิชาที่ว่าด้วยการดูเมฆ จะให้เก่งต้องแยกเมฆให้ออกจะเริ่มเรียนชั่วโมงแรกพรุ่งนี้ค่ะเป็นไงจะมาเล่าให้ฟัง อาจารย์ก็เชิญมาเป็นพิเศษจากกรมอุตุเสียด้วย ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อวิชานี้เราตั้งให้เป็นวิชา อุตุนิทราวิทยา (แปลแบบสันสกฤตจากหลังมาหน้า=วิชาที่ว่าด้วยการหลับอุตุ)
-นามสกุลของ "ตึ่งนั่งเกี้ยยาวๆทั้งนั้นจริงๆ ของเราพอเขียนเป็นอังกฤษนับอักษรได้ 15 ตัว แต่คนแถวบ้านยาวกว่า 16 ตัวแน่ะ
จากคุณ : Licht (Miran) - [10 มิ.ย. 45 19:17:26 ]



ความคิดเห็นที่ 3
ตามอ่าน "เรื่องของฉัน" ด้วยความสนุกสนานมาตั้งแต่ครั้งเพื่อนส่งลิงค์มาให้ จนกระทั่งมาหาเจอตามอ่านด้วยตัวเอง นี่ก็ปาเข้าไป ๒๕ ตอนแล้วแต่ไม่เคยแสดงตัวซักที วันนี้ขอถือโอกาสสวัสดีคุณแมงกะพรุน และขอขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆมาให้อ่าน ด้วยว่าอายุหมูแดงคงจะอ่อนกว่าคุณแมงกะพรุนไม่นานนัก พออ่านเรื่องของฉันแล้วเลยรู้สึกได้อารมณืร่วมอย่างยิ่ง ขอบคุณอีกครั้งค่ะและจะติดตามอ่านไปจนจบ ขอพระคุ้มครองให้คุณแมงกะพรุนมีสุขภาพแข็งแรงนะคะ
จากคุณ : หมูแดงจ้ะ - [10 มิ.ย. 45 19:25:56 ]

ความคิดเห็นที่ 4
หุหุ อ่านต่อ
จากคุณ : washi - [10 มิ.ย. 45 19:29:43 ]

ความคิดเห็นที่ 5
ขอเซฟไปอ่านออฟไลน์ค่ะ :)
จากคุณ : โคอาร่า - [10 มิ.ย. 45 19:34:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6
ช่วงปี 60 -70 อุดร อู่ตะเภา สิ่งที่ทำให้ประทับใจจริงๆ คือดนตรี อันเดอรฺกราวด์นะ แหลม มอริสสัน (วง V.I.P) ช.อ้น ณ บางช้าง The fog รุ่งมาก ในขณะที่ฝั่งยุโรปและอเมริกามาเยือนด้วย จิมมี่ เฮนดริกซ์ ดีฟ เฟอร์เพิล เลด เซปปลิน ยูไร ฮีฟแบล็ค ซับบาธ เดอะฮูแกรนด์ฟังค์ ฯลฯ นั่นล่ะ กระแสวัฒนธรรมร้อคโจมตีเมืองไทยรุนแรงในช่วงนั้น
จากคุณ : GTW - [10 มิ.ย. 45 20:47:07 A:202.133.172.13 X:]

ความคิดเห็นที่ 7
ตอนหน้า นางเอกโผล่แล้วครับทั่น! ไม่รู้ว่าทำไม เนื้อคู่กับจุดหักเหของชีวิตมักมาคู่กันเสมอ ไอ้ตัวเราก็ต้องระหกระเหินจากบ้านเกิด จากที่อะไรที่เคยง่ายๆ มันก็ไม่ง่ายอีกแล้ว ไข่พะโล้ ผัดผักกระเฉดไฟแดง น้ำพริกกะปิ ชะโอมชุบไข่ ที่เคยเป็นอาหารสุดจะ simple กลับต้องทุรนทุราย สรรหา กว่าจะได้กิน ก็เพราะ เนื้อคู่ นี่แหละ เฮ้อ.....หิว บุญรักษาค่ะ คุณแมงกะพรุน
จากคุณ : Rhino - [10 มิ.ย. 45 21:14:21 A:217.162.80.180 X:]

ความคิดเห็นที่ 8
เมกาเอาใจคนของประเทศของตัวเองมากจริงๆนะคะ ไอซ์ว่ามันก็เป็นข้อดีอะ อย่างเวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา เค้าจะคิดถึงบุคคลากรของเค้ามากกว่าของ แต่คนไทยดันตรงกันข้ามซะนี่ แง่งๆๆ รอนางเอกเหมือนกันค่า... ^^
จากคุณ : Clear Ice - [11 มิ.ย. 45 02:14:06 ]

ความคิดเห็นที่ 9
เพื่อนร่วมยุครีบมาหลังจากเสร็จงานนะคะยังต่อแถวยาวเลย ชอบ "หมูบิน" ค่ะ จากที่ว่า "ยังมีเครื่องขนส่งที่คนไทยเรียกว่าหมูบิน..." ตอนนี้จะเริ่มช่วง ระทึกใจแล้ว แว่วเสียงดนตรีพิเศษมาละค่ะ ขอทักทายและขอบคุณคุณ"หมูแดงจ้ะ"ด้วยนะคะคิดว่าเห็นคำแนะนำ"เรื่องของฉัน"นี้ในกระทู้ห้องไกลบ้าน? (ชมรมแม่บ้านต่างแดน) แต่ไม่แน่ใจด้วยสมองพรุนน่ะค่ะ ขอคุณพระคุ้มครองสุขภาพคุณแมงกะพรุนตลอดไปค่ะ
จากคุณ : ปราณ - [11 มิ.ย. 45 04:36:24 ]

ความคิดเห็นที่ 10
ลิงค์ร้อนๆมาแล้วค่ะ
ตอนที่ 24
http://pantip.inet.co.th/cafe/writer/topic/W1548649/W1548649.html
จากคุณ : JW (Chelsey) - [11 มิ.ย. 45 05:11:32 ]

ความคิดเห็นที่ 11
มาช้าอีกแล้ว ฮือๆๆๆ มาสร้างลิงค์ให้ก่อนเด๋ว มาเมาธ์ทีหลังนะคะ วันจันทร์วุ่นวายทุกที บายค่ะ
จากคุณ : JW (Chelsey) - [11 มิ.ย. 45 05:14:54 ]

ความคิดเห็นที่ 12
ไม่มีความรู้เรื่องเทเลโค๊ต แต่เคยได้ยินเวลาดูหนังแล้วชอบน่ะค่ะ มันเท่ดี...อิอิ อยากอ่าน...จุดเปลี่ยนชีวิตตอนต่อไปจริง ๆ เลยอ่ะ สาวน้อยผู้โชคดีคนนั้นจะเป็นใครน้า....
จากคุณ : บุษบามินตรา - [11 มิ.ย. 45 09:37:15 ]

ความคิดเห็นที่ 13
น่าสนใจ ไว้มาติดตามค่ะ
จากคุณ : ~:พุดน้ำบุศย์:~ - [11 มิ.ย. 45 09:54:22 ]

ความคิดเห็นที่ 14
กลับมาอีกทีก็ดึกแล้วค่ะ ในตอนนี้ขอลงชื่อเฉยๆ แล้วกันนะคะ...นึกแก๊กเมาธ์ไม่ออกค่ะ ฮี่ๆๆๆ กองทัพอเมริกันนี่ระบบการจัดการสุดยอดจริง ๆ นางเอกออกโรงตอนต่อไปแน่ๆเลย...ลุ้นๆๆๆ กูดไนท์ก่อนนะคะ รักษาสุขภาพมากๆนะคะ พี่แมงกะพรุน
จากคุณ : JW - [11 มิ.ย. 45 13:19:01 A:142.173.107.180 X:]

ความคิดเห็นที่ 15
^-^ ตามมาเก็บ
จากคุณ : T.time - [11 มิ.ย. 45 13:41:41 ]

ความคิดเห็นที่ 16
เดี๋ยวนี้ยังมี Chase M.F.F.อยู่ในไทยอีกหรือเปล่าครับ แล้วทำไมพี่แมงถึงได้ชื่อ Mr.Jelly Fish ล่ะครับ เป็นรหัส หรือนามเรียกขาน (call sign) หรือยังไงครับ นางเอกสวยมั๊ยครับ (แบบว่าอิจฉาง่ะ) ถ้าแปะรูปให้ดูด้วยจะโวตให้ 2 แต้มเลยครับ
จากคุณ : มูโจ้ (มูโจ้) - [11 มิ.ย. 45 15:40:16 ]


ความคิดเห็นที่ 18
คิดถึง woodstock ที่เคยได้ดูใน camp ที่ดอนเมืองคิดถึง cantonment คิดถึง playboy magazine ที่ฝาก GI ซื้อใน px คิดถึงน้ำหอม brut และ English Leather รวมทั้งกลิ่นสบู่ Saveguard เพลง leaving on a jet plane, sunshineฯลฯ
จากคุณ : APO 96330 - [11 มิ.ย. 45 19:07:54 A:203.146.8.75 X:10.10.10.104]

ความคิดเห็นที่ 19
++คุณ APO 96330:
เอ ชักใกล้ตัวเขาทุกทีแล้วหรือนี่ ยังไม่ทันไรเลยถ้ารู้จัก cantonment แสดงว่าเราสองคนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันเลย บอกว่าคิดถึง Playboy และ Brut แสดงว่าเป็นผู้ชายใบ้อีกไม่เกินสองข้อ รับรองตอบถูกว่า "คุณเป็นใคร"
++คุณมูโจ้:
ชื่อ แมงกะพรุน ไม่ใช่ Call Sign ครับแค่เคยถูกมันต่อยเอาครั้งหนึ่งที่หัวหินเจ็บแทบตายเลยเอาชื่อมันมาใช้เป็นการแก้แค้น Chase MFF เลิกกิจการไปเมื่อสงครามเวียตนามสิ้นสุดลงแม้แต่ Chase Manhattan Bank, National Association ในปัจจุบันก็โดนงาบ (Merged) ไปเรียบร้อยแล้วครับเหลือเพียงอดีตที่เคยรุ่งโรจน์และความทรงจำที่งดงามเท่านั้น
++คุณ T-Time:
อย่าเก็บไว้นานนะครับ โปรดดูวันหมดอายุใต้กล่องด้วยเดี๋ยวเสีย..ไม่รู้ด้วยนะ
++คุณ JW (Chelsey):
ไม่ต้องเม้าท์ก็ได้ครับ แค่มาทำลิ้งค์ให้ทุกบ่อย ๆ ก็เกรงใจจะแย่แล้ว
++คุณพุดน้ำบุษย์:
ยินดีต้อนรับครับ :-)
++คุณบุษบามินตรา:
นางเอกยังแต่งหน้าไม่เสร็จเลยครับ พวกหน้า "เป็นฝ้าถาวร" ต้องรองพื้นกันหนักหน่อยเมื่อกี้ตะโกนออกมาจากหลังบ้านว่าขอเวลาอีกสองสามตอน
++คุณปราณ:
เหตุที่เรียกซีวันเทอร์ตี้ว่า "หมูบิน" เพราะมันเป็นเครื่องบินที่อ้วนมากที่สุดในสมัยนั้นปัจจุบันมีเครื่อง กาเล๊กซี่มาชิงความอ้วนไปแล้วถ้าให้ตั้งฉายาต้องเรียกว่า "ช้างบิน"
++คุณ Clear Ice:
เกริ่นไว้สักหน่อยว่า นางเอกเรื่องนี้เป็นประเภทเตี้ยล่ำมะขามข้อเดียวแถมยังบู๊ล้างผลาญเชี่ยวชาญเฉพาะด้านการตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก นะครับเดี๋ยวตอนโผล่ออกมาแล้วจะผิดหวังถ้าวาดภาพไว้ว่าต้องเป็นพวก "องค์อ่อนเอวกลม"
++คุณ Lazy Genius:
:-) ด้วย
++คุณ Rhino:
อะไรที่ได้มาง่าย ๆ มักกลายเป็นของด้อยค่าแหมม..ได้เนื้อคู่มาตั้งคนแค่หาชะโอมชุบไข่กินยากหน่อยคิดอย่างไร..ก็คุ้ม
++GTW:
นี่สิ..ของจริง
++คุณหมูแดงจ๊ะ:
ยินดีต้อนรับครับ เอ พวกสมาชิกแม่บ้านต่างแดนนี่กลับบ้านกันมั่งไหมครับหรือว่า ไปแล้วไปเลย
++คุณ Licht (Miran):
อั้นแน่..ดีจังที่มีคนรู้จักซาซี่เหมือนกัน คิดว่าไม่มีคนรู้จักซะแล้วปลาสังควาสเป็นปลาเทศบาลสมัยนั้นมีชุกชุมในแม่น้ำเจ้าพระยาเดี๋ยวนี้ไม่รู้ยังมีอยู่หรือเปล่าสังควาสชอบมากินเบ็ดตัวเล็ก ๆ สีดำ ๆ รูปร่างเหมือนปลาดุกจับได้แล้วปล่อยหมด
ไม่มีใครกินกันเพราะอาหารโปรดของมันคือ กุ้งเหลือง
++คุณโอ้โฮ:
ขอบคุณ ที่ติดตามอ่านอย่างเหนียวแน่นไม่แน่นะครับ อ่าน ๆ ไปอาจเปลี่ยนใจมาชอบพวกจีไอก็ได้
ด้วยความปรารถนาดี
จากคุณ : แมงกะพรุน - [12 มิ.ย. 45 10:17:12 A:203.149.40.178 X:]

ความคิดเห็นที่ 20
อ่อ ปลาเทศบาลนี่เองปกติเรียกแต่ปลาเทศบาลหรือไม่ก็ปลาซัคเกอร์ถ้าตัวใหญ่ๆหน่อยก็เรียกอเมริกันซัคเกอร์ มีครั้งหนึ่งไปเที่ยวบ้านญาติที่ต่างจังหวัดในตี้ในห้องน้ำมีปลาซัคเกอร์ตัวใหญ่มาก แปลกดีแฮะที่เอามาใส่ไว้ด้วย
จากคุณ : Licht (Miran) - [12 มิ.ย. 45 19:28:39 ]

ไม่มีความคิดเห็น: