วันจันทร์, สิงหาคม 18, 2551

เรื่องของฉัน ตอนที่ 23


ตอนที่ 23

เมื่อเวลาผ่านไป ช่องว่างในกระดาษร่างของฉันก็ลดน้อยลงเรื่อย ๆ เพราะเริ่มคุ้นกับสำเนียงท่วงทำนองและศัพท์แสงที่ มร.บราเวนเดอร์ใช้เป็นประจำ นอกเหนือจากการจดชวเลข แปล พิมพ์จดหมาย บันทึกติดต่อภายในทั้งหมด ติดต่อโทรศัพท์ นัดหมาย ทำสำเนาและจัดเก็บเอกสารซึ่งเป็นหน้าที่ของเลขานุการทั่ว ๆ ไป แล้ว ฉันยังมีหน้าที่ช่วยงานสมปองอีกด้วย

โต๊ะทำงานประจำตัวของฉันอยู่ในห้องทำงานของคุณเพ็ญศรีซึ่งอยู่ติดกับห้องทำงานของ มร.บราเวนเดอร์และผู้ช่วยชื่อ มร. เกล เบลค ในห้องนั้นนอกจากคุณเพ็ญศรีแล้วยังมีผู้ช่วยคนหนึ่งชื่อสมปองเป็นสาวรุ่นพี่หน้าใสใจดีอีกทั้งยังเป็นคนธรรมะธรรมโมเข้าวัดทำบุญฟังธรรมทอดกฐินผ้าป่าไม่เคยขาด ตั้งแต่คบรู้จักกันมากว่า 30 ปีสมปองได้เปลี่ยนชื่อเสียใหม่เป็น “ปองทิพย์” แต่ฉันและคนอื่นที่สนิทสนมก็ยังคงเรียง “ปอง” อยู่อย่างนั้นและยังไม่มีใครเคยเห็นปองโกรธใครสักที แม้ว่าจะเป็นรุ่นพี่ แต่ฉันและปองก็คบกันแบบเพื่อนแท้ ๆ มีหลายครั้งหลายคราเหมือนกันที่ฉันเผลอใจจีบปองเอาดื้อ ๆ แต่ปองก็มองฉันอย่างเอ็นดู มองฉันเป็นเพียงแค่เพื่อนคนหนึ่งของเธออย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เคยเกินเลย ตั้งแต่สมัยนั้นจนถึงสมัยนี้ ไม่เคยแปรเปลี่ยนเป็นอื่นเลย


ปองทำหน้าที่ธุรการงานบุคคลของธนาคารทั้งหมดรวมถึงการจ่ายเงินเดือนเพย์โรล์ด้วย เป็นงานเดียวที่ปองทำติดต่อกันมาโดยตลอดจนกระทั่งเกษียณตัวเองออกไปจากวงการธุรกิจเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง เมื่อเจอกันครั้งสุดท้ายปองบอกกับฉันว่า “ได้เงินเยอะดี..จะได้เอาไปทำบุญ”

วกกลับมาพูดถึงเรื่องการพิมพ์จดหมายอีกหน่อย สมัยนั้นยังไม่มีพีซี ยังไม่มีเวิร์ดโพรเซสเซอร์ จึงต้องใช้เครื่องพิมพ์ดีด เครื่องที่ใช้เป็นเครื่องโอลิมเปียธรรมดาไม่ใช่เครื่องไฟฟ้า จดหมายทุกฉบับนอกจากต้นฉบับแล้วจะต้องมีสำเนาเป็นกระดาษสีขาว เหลือง ฟ้า ชมพู เมื่อมร.บราเวนเดอร์ลงนามในจดหมายแล้ว ต้องแยกสำเนาสีขาวเก็บเข้าแฟ้มตามหัวเรื่อง สำเนาสีเหลือเข้าแฟ้มแพ้นดิ้งเรียงรายวันไว้เพื่อคัดแยกส่งให้กับ มร.บราเวนเดอร์ดูเมื่อครบ 30 วันนับจากวันที่ในจดหมายเพื่อเตือนให้แกดูว่ามีเรื่องต้องติดตามอีกหรือไม่ สำเนาสีฟ้าเข้าแฟ้มเรียงตามวันที่ และสำเนาสีชมพูใส่แฟ้มเวียนให้ผู้บริหารคนอื่นอ่านเป็นรายวัน ส่วนต้นฉบับก็พับใส่ซองส่งให้ผู้รับต่อไป ระหว่างกระดาษสำเนาแต่ละชั้นคือกระดาษคาร์บอน เครื่องพิมพ์ดีดที่มีอุปกรณ์ลบความผิดในตัวยังไม่มี หากพิมพ์ผิดตัวหนึ่งจะต้องลบต้นฉบับและสำเนาทั้งหมดด้วย การลบที่ต้นฉบับจะใช้ฟิลม์แป้งสีขาวพิมพ์ทับตัวอักษรที่พิมพ์ผิดแล้วจึงพิมพ์ตัวที่ถูกต้องลงไป ก่อนจะพิมพ์แก้ต้องรองกระดาษคาร์บอนด้วยกระดาษแข็งให้ครบทุกชั้นเสียก่อนแล้วจึงใช้ยางลบหมึกลบในสำเนาทุกฉบับอีกที

สำหรับการทำสำเนาเอกสารจากต้นฉบับในสมัยนั้นที่ธนาคารมีเครื่องถ่ายสำเนายี่ห้อ 3 M อยู่เพียงเครื่องเดียว เครื่องซีร๊อกซ์ยังไม่ผลิตออกขายคนไม่รู้จัก การทำสำเนาเอกสารคราวละมาก ๆ จะต้องใช้เครื่องโรเนียว เครื่องถ่ายเอกสาร 3 M จะใช้ในการทำสำเนาเอกสารทีละใบสองใบ ถือเป็นเครื่องมือที่แสนวิเศษในสายตาของคนยุคนั้น เวลาจะถ่ายเอกสารต้องเอาเอกสารตัวจริงทาบกับกระดาษไขแล้วป้อนเข้าไปในเครื่อง เครื่องจะมีลูกกลิ้งดูดเอาเอกสารต้นฉบับและกระดาษไขเข้าไปรีดผ่านความร้อนแล้วบ้วนคืนออกมาให้ จากนั้นก็เอากระดาษไขที่ได้จากการรีดกับต้นฉบับ ทาบลงกับกระดาษเคมีอีกแผ่นหนึ่งแล้วป้อนเข้าไปให้เครื่องรีดอีกครั้ง สำเนาเอกสารก็จะปรากฏขึ้นบนกระดาษเคมี ใครนึกไม่ออกก็ให้นึกถึงเครื่องแฟกซ์สมัยแรก ๆ ที่ต้องใช้กระดาษแฟกซ์นั่นแหล่ะ เฉลี่ยแล้วการทำสำเนา 1 ฉบับจะต้องใช้เวลาประมาณ 3 นาทีอีกทั้งสำเนาที่ได้จากเครื่องเก็บยังไว้ได้ไม่นาน ตัวหนังสือจะเลือนหมด

เมื่อฉันทำงานได้ 5 หรือ 6 เดือน มร.บราเวนเดอร์ก็เรียกไปพบในเย็นวันหนึ่งแล้วแจ้งให้ฉันทราบว่า แกพอใจกับผลงานของฉันมาก ใจหนึ่งก็อยากจะเก็บฉันไว้ให้ทำงานให้แกต่อไปเรื่อย ๆ แต่หากทำเช่นนั้นก็ดูจะเป็นการเห็นแก่ตัวเกินไป แกจึงจะหางานใหม่ที่มีความรับผิดชอบสูงกว่าให้ฉันทำ ทั้งนี้ บนเงื่อนไขที่ฉันต้องหาเพื่อนที่มีคุณสมบัติคล้ายหรือใกล้เคียงกับฉันมาทำแทนให้ได้เสียก่อนโดยเน้นเรื่องการเขียนชวเลข ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากมีเพื่อนร่วมชั้นที่ยังหางานไม่ได้อีกหลายคน อนึ่ง เด็กที่จบจากกิตติพาณิชย์ทุกคนจะเขียนชวเลขและพิมพ์ดีดได้ดีอยู่แล้วเพราะโรงเรียนเน้นในเรื่องนี้มาก

ฉันโทรศัพท์ถามเพื่อน ๆ สองสามคนก็ทราบว่าเพื่อนชื่อ วันชัย ยังหางานทำไม่ได้ ฉันจึงไปชวนมาสัมภาษณ์ วันชัยผ่านการสัมภาษณ์ได้ทำงานแทนฉันในที่สุด แต่ก็ทำงานในตำแหน่งเลขาได้ไม่นานนัก มร.บราเวนเดอร์ก็โดนย้ายกลับนิวยอร์ค มร.เบลค ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน มร.เบลคคนนี้แม้จะไม่มีเมียแต่คงไม่ชอบผู้ชาย จึงย้ายวันชัยไปทำงานแผนกตรวจสอบภายในแล้วหาเลขาหน้าสวยคนใหม่มาทำหน้าที่เลขาแทนวันชัย

วันชัยมิได้ปล่อยให้โอกาสที่ได้รับมานั้นหลุดมือไป ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่การงานมีความก้าวหน้าเป็นลำดับและมีตำแหน่งเป็นถึงผู้อำนวยการในธนาคารใหญ่โตแห่งหนึ่งในปัจจุบัน

มร.บราเวนเดอร์มีคำสั่งให้ย้ายฉันไปทำงานในแผนกบัญชี มีหน้าที่ "ลงเครื่อง" เครื่องลงบัญชีในสมัยนั้นเป็นเครื่อง NCR มีขนาดใหญ่โตและมีเสียงดังมากเป็นเครื่องไฟฟ้าที่ใช้กลไกและเฟืองยังไม่มีชิ้นส่วนที่เป็นอิเล็กโทรนิกส์ใด ๆ ทั้งสิ้น เครื่องคำนวณในสมัยก่อนล้วนเป็นเครื่องที่ใช้กลไกไม่มีชิ้นส่วนอีเล็กโทรนิคเลยส่วนใหญ่จะใช้บวกลบได้เท่านั้น เครื่องที่ใช้คูณหรือหารที่ใช้ไฟฟ้าก็มีเหมือนกันแต่มีขนาดใหญ่มาก ที่มีขนาดเล็กกระทัดรัดใช้มือหมุนเอาให้ผลคูณผลหารได้ นิยมใช้กันอยู่ทั่วไปในสมัยนั้นคือเครื่อง ฟาซิท (FACIT)
ส่วนงานลงเครื่องลงบัญชีที่ว่านี้ คือการลงหรือบันทึกรายการทางบัญชีจากงบกระทบยอด (Trial Balance Sheets) แยกออกเป็น General Ledger (GL) และ Auxiliary Ledger (AL) เมื่อลงรายการครบถ้วนแล้วเครื่องจะกระทบยอดระหว่าง AL กัน GL ให้ด้วย หากมีผลต่างก็ต้องหาให้พบว่าลงรายการใดผิดพลาด
เนื่องจากงานใหม่นี้เป็นงานที่มีความรับผิดชอบสูงขึ้น ฉันจึงได้รับการปรับเพิ่มเงินเดือนจาก 1,800 บาท เป็น 2,300 บาทซึ่งไม่ต้องเสียภาษี เพราะ ธนาคารเชสแมนแฮตตั้น สาขาการเงินทหารหรือที่เรียกกันว่า เชส เอม เอฟ เอฟ (M.F.F. ย่อมาจาก Military Finance Facilities หรือ M.B.F. ย่อมาจาก Military Banking Facilities) เป็นหน่วยงานสังกัด Jusmag ตามข้อตกลงทางทหารระหว่างประเทศไทยกับประเทศสหรัฐอเมริกาในสมัยนั้น พนักงานที่ทำงานในหน่วยงานเหล่านี้จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ พูดง่าย ๆ คือไม่ต้องเสียภาษี เงินเดือนที่ได้รับจึงเป็นเงินได้สุทธิ

เงินเดือนที่นี่จ่ายเดือนละ 2 ครั้ง ตอนกลางเดือนและสิ้นเดือน สมัยนั้นยังไม่มีตู้เอทีเอ็มจึงจ่ายกันเป็นธนบัตรฉบับละ 100 บาทสด ๆ จำได้ว่าเมื่อรับซองเงินเดือนเป็นงวดแรกนั้นความรู้สึกของฉันเต็มตื้นอย่างบอกไม่ถูก ด้วยเงินนั้นเป็นเงินจำนวนแรกที่ฉันหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองโดยแท้

ทันทีที่งานเลิก ฉันนั่งรถตรงไปย่านราชดำริซึ่งเป็นย่านการค้าทันสมัย มีห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นชื่อห้าง "ไดมารู" มาเปิดกิจการตั้งสาขาอยู่ และเป็นห้างแรกที่นำเอาบันไดเลื่อนมาติดตั้งไว้ภายในห้าง คนที่ไม่เคยเห็นบันไดเลื่อนหรือไม่เคยขึ้นต้องพากันมาลองขึ้นบันไดเลื่อนเป็นที่สนุกสนานครื้นเครง ที่ข้าง ๆ ห้างไดมารูมีร้านขายกาแฟฝรั่งติดเครื่องปรับอากาศตกแต่งอย่างงดงามชื่อว่าร้าน “ดีไลท์” มองดูจากภายนอกก็จะรู้ได้โดยง่ายว่าเครื่องดื่มและอาหารที่ขายภายในร้านจะต้องมีราคาแพงซึ่งฉันหมายตาไว้นานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสสักที ที่ร้านกาแฟแห่งนี้เองที่ฉันเปิดประตูเข้าไปนั่งที่เค้าเตอร์บาร์พร้อมกับยืดอกขึ้นอย่างสง่างาม ก่อนที่จะสั่งบริกรด้วยเสียงอันดังเป็นกังวาลว่า "ขอเบียร์สิงห์ขวดนึง"

เมื่อฉันเข้าทำงานนั้นมีอายุ 20 ย่าง 21 เป็นเด็กที่สุดในบรรดาเพื่อนร่วมงานซึ่งล้วนอยู่ในวัย 30 ต้น ๆ ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นพวก "คอทองแดง" เขาไปไหนกันฉันก็จะขอติดรถไปด้วยทุกครั้ง ด้วยความที่เห็นฉันเป็นเด็ก พวกพี่ ๆ ซึ่งต่อมาล้วนคบกันเป็นเพื่อนไปทั้งหมด ที่ตายจากกันไปแล้วก็มีหลายราย ก็มิได้หวงห้าม ฉันจึงเริ่มกินเหล้าเป็น คือดื่มเหล้าแล้วไม่ค่อยเมาหรือเมาแต่เก็บอาการได้ดีมาตั้งแต่วัยหนุ่ม

ส่วนใหญ่เมื่อเลิกงานพวกขี้เมาก็จะยกขบวนเป็นโหมโรงกันที่สโมสรนายทหาร (Officers' Club) ซึ่งห้ามคนไทยทั่วไปเข้าไปใช้บริการ แต่พวกฉันซึ่งทำงานธนาคารได้รับยกเว้น สามารถเข้าไปใช้บริการได้ ระหว่าง 4 โมงถึง 6 โมงเย็นเป็นช่วงเวลาพิเศษ Happy Hour ในช่วงนี้เหล้าทุกชนิดจะขายในราคาเพียงแก้วละ 1 ควอเตอร์หรือ 25 เซนต์ เทียบเป็นเงินไทยในอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้อยู่ในสมัยนั้นง่าย ๆ คือ นิกเกิ้ลหรือ 10 เซนต์เท่ากับ 1 บาท ไดม์หรือ 20 เซนต์เท่ากับ 2 บาท และ ควอเตอร์เท่ากับ 5 บาท 1 ดอลล่าร์มีค่าประมาณ 20 บาท ใน Base Camp นี้ จะจับจ่ายใช้สอยอะไรต้องใช้เงินดอลล่าร์อเมริกันเงินไทยใช้ไม่ได้

หากวันใดโชคดีมีนักบินซึ่งปฏิบัติการบินสอดแนมถ่ายรูปหรือทิ้งระเบิดในเวียดนามและรอดกลับมาได้โดยไม่ถูกยิงตกเข้ามาสั่นกระดิ่งที่หัวเค้าเตอร์บาร์ ทุกคนที่อยู่ในสโมสรในขณะนั้นก็จะได้รับเลี้ยงเหล้าฟรี 1 รอบ เหล้าที่พวกฉันดื่มกันคือ เรมมี่ผสมโซดา ออกจะแปลกในสายตาคนอื่นเนื่องจากเหล้าเรมมี่นั้นเป็นบรั่นดีไม่ใช่วิสกี้แต่กินกับโซดาอร่อยนัก เมื่อออกนอกแคมป์แล้วเหล้าประจำวงจะเปลี่ยนไปเป็นเหล้าแม่โขงและต้องเป็นแม่โขงขวดแบนแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น น่าแปลกที่แม้ว่าเหล้านอกจำพวกตราดำ ตราแดง ว๊อตก้า หรือ ดรายยิน ในแคมป์นั้นราคาแสนจะถูกแถมยังซื้อหาได้โดยง่าย แต่พวกฉันกลับไม่มีใครนิยมดื่มเหล้าฝรั่งพวกนั้นกันเลย จนกระทั่งแก่เฒ่าจะเข้าโลงนี่แหล่ะ ถึงได้ดัดจริตหันมาซื้อเหล้าตราดำขวดละเป็นพันมานั่งดื่มกินกัน

แม้ว่าจะโต ๆ กันหมดแล้วแต่พวกฉันก็ยังมีเรื่องเล่นสนุกแปลก ๆ เช่นขวดเหล้าแม่โขงซึ่งเป็นขวดแบนนั้นเมื่อกินเหล้าจนหมดแล้วจะนิยมนำเอามาพ่นควันบุหรี่ใส่จนเต็มขวด ใช้นิ้วอุดปากขวดไว้กันควันออกแล้วนำขวดไปถูกกับขากางแกงไปมาสักพักจนขวดเริ่มอุ่นแล้วจึงจุดไฟไปจ่อที่ปากขวด ควันบุหรี่ในขวดนั้นจะลุกไหม้ระเหยหายไปอย่างรวดเร็วน่าสนุกยิ่งนักในเบสแค้มป์จะแยกสโมสรนายทหารสัญญาบัตรและทหารชั้นประทวนออกจากกัน นอกจากเหล้าและอาหารจานด่วนพวกแซนด์วิชที่อร่อยมากในความเห็นของฉันคือ แฮมชีส เบคอนเอ็กซ์ และฮอตด๊อกประเภทต่าง ๆ แล้ว ในสโมสรทั้งสองแห่งยังมีโจรแขนเดียวหรือสล๊อตแมชชินตั้งไว้ให้เสี่ยงโชคอีกด้วย เท่าที่จำได้มีสามระดับราคาคือ หยอดที่ละนิกเกิ้ล หยอดที่ละไดม์ และที่แพงที่สุดคือ หยอดที่ละควอเตอร์ (25 เซนต์)

เครื่องสล๊อตแมชชีนนี้เป็นเครื่องเล่นการพนันมีลักษณะเป็นตู้สี่เหลียม หน้าตู้เป็นหน้าปัทม์ซึ่งแสดง วงล้อสามวงมีรูปสัญลักษณ์ต่างกันไป เมื่อหยอดเหรียญแล้วผู้เล่นก็จะโยกคันโยกข้างตู้ (คันโยกนี้เป็นที่มาของฉายาโจรแขนเดียว) วงล้อทั้งสามวงก็จะหมุนไปอย่างรวดเร็วเมื่อหยุดลงหากมีสัญลักษณ์ตรงกับที่กำหนดก็จะมีเหรียญราคาเท่ากับที่หยอดไปไหลคืนมา รางวัลใหญ่ที่สุดคือเมื่อวงล้อไปหยุดที่สัญลักษณ์รูปดาว ทั้งสามช่องถือว่าได้แจ๊กพอตจะมีเหรียญไหลออกมามากถึง 300 เหรียญแล้วแต่ว่าจะเล่นเครื่องที่มีมูลค่าเท่าใด เช่นถ้าเลือกเล่นเครื่องที่หยอดครั้งละควอเตอร์แล้วได้แจ๊กพอตก็จะได้เงินถึง 75 ดอลล่าร์หรือคิดเป็นเงินไทยในขณะนั้นก็ประมาณเกือบสองพันบาทเลยทีเดียว เพื่อนรุ่นแรกของฉันหลายคนติดเจ้าโจรแขนเดียวนี้อย่างงมงาย บางคนในวันเงินเดือนออกเคยเสียเงินเดือนทั้งหมดที่เพิ่งรับมาไปกับไอ้โจรแขนเดียวนี้

เงินเดือนที่ฉันหามาได้ นอกจากใช้ในกิจส่วนตัวต่าง ๆ แล้ว ฉันมิได้แบ่งให้กับป๋าหรือแม่ด้วยเข้าใจภาษาเด็กว่าป๋าและแม่มีเงินใช้มากพอแล้ว แต่ฉันกลับไม่ลืมที่จะเจียดเงินจำนวน 200 บาทไปใส่มือให้กับยายทุกเดือนโดยบอกกับแกว่าเป็นค่าหมากพลูบุหรี่ ซึ่งก็เห็นแกพูดไม่ออกได้แต่ลูบหัวลูบหลังให้ศีลให้พรพึมพำไปตามภาษาคนแก่ทุกคราวไป

จากคุณ : แมงกะพรุน - [5 มิ.ย. 45 02:54:02 A:203.121.152.179 X:]

ความคิดเห็นที่ 1
ได้รู้อะไรมากมายเลยในตอนนี้ โจแขนเดียวจอมดูดเงินนี่เคยเล่น เล่นเสร็จก็เหมือนคนอื่นๆ คือหน้าจ๋อยกระเป๋าเบา แต่แปลกที่ทุกวันนี้ยังมีอยู่คนเรานี่ชอบเสี่ยงโชค (พนัน) จริงๆ ทั้งๆที่รู้ ++หากวันใดโชคดีมีนักบินซึ่งปฏิบัติการบินสอดแนมถ่ายรูปหรือทิ้งระเบิดในเวียดนามและรอดกลับมาได้โดยไม่ถูกยิงตกเข้ามาสั่นกระดิ่งที่หัวเค้าเตอร์บาร์ ทุกคนที่อยู่ในสโมสรในขณะนั้นก็จะได้รับเลี้ยงเหล้าฟรี 1 รอบ แสดงว่านักบินที่ว่าคงมาจ่ายแหลกใช่ไหมครับ
จากคุณ : GTW - [5 มิ.ย. 45 04:08:00 A:202.133.172.61 X:]

ความคิดเห็นที่ 2
อ่านด้วยความขอบคุณและชื่นชมตามเคยค่ะ นึกถึงความเก่าๆอย่างเบิกบาน เมื่อพูดถึง ไดมารู ดีไลท์ และเรื่องการแบ่งเงินเดือน นึกถึงวันเงินเดือนออกแจกทุกคนในบ้าน เมื่อสัปดาห์หนึ่งผ่านไป ต้องรับเงินเดือนจากคุณพ่อคุณแม่มาใช้มากกว่า แต่ท่านก็ปลื้มใจที่เราแจกทุกคนเมื่อต้นเดือน :-) ขอคุณพระคุ้มครองสุขภาพคุณแมงกะพรุนตลอดไป
จากคุณ : ปราณ - [5 มิ.ย. 45 06:21:01 ]

ความคิดเห็นที่ 3
ชอบคำนี้จังค่ะ "โจรแขนเดียว"
จากคุณ : O-HO - [5 มิ.ย. 45 08:32:19 ]

ความคิดเห็นที่ 4
ผมได้ฉลองเงินเดือนครั้งแรกก็ใกล้ ๆ กับคุณแมงกะพรุนครับ แต่อยู่ตรงข้ามไทยไดมารุ เป็นร้านฟาสฟู้ดแห่งแรกในเมืองไทยคือ ร้านวิมปี้ ซึ่งผมหมายตามาเป็นปี อ้อ ผมเป็นคนร่วมสมัยกับคุณแมงกะพรุนครับ
จากคุณ : แกงจืด - [5 มิ.ย. 45 08:57:23 A:203.146.8.75 X:10.10.10.104]

ความคิดเห็นที่ 5
สนุกจริงเชียวค่ะ รอลุ้นว่าเมื่อไรจะพบนางเอกซะทีเงินเดือน 2 เดือนแรกเอาไปดาวน์คอนโดหมดเลย ตอนนี้เสร่อมาอยู่เมืองนอกไม่ได้อยู่ที่คอนโดแล้วขอให้คุณพระคุ้มครองนะคะ
ป.ล. ท่านที่เข้ามาอ่านรบกวนลงชื่อเพื่อเป็นกำลังใจแก่พี่แมงกะพรุนด้วยค่ะ ขอเช็คเรตติ้งหน่อย ฮี่ๆๆๆ
จากคุณ : JW (Chelsey) - [5 มิ.ย. 45 11:39:42 ]

ความคิดเห็นที่ 6
จำได้ว่าเงินเดือนเดือนแรก เอาไปซื้อนาฬิกาให้แม่ เพราะแม่บ่นว่านาฬิกามันเล็กเกินไปมาตั้งนาน แล้วก็พาแม่ไปทานข้าวเย็นที่ สกายเลานจ์ ใบหยก เกิดมาไม่เคยเลี้ยงข้าวแม่เลย ภูมิใจตอนจ่ายตังค์
จากคุณ : Rhino - [5 มิ.ย. 45 21:29:32 A:217.162.80.137 X:]

ความคิดเห็นที่ 7
ขอแก้คำผิดนิดเดียวครับ
Quote ฉันนั่งรถตรงไปย่านราชดำริ UnQuote
ขอแก้เป็น Quote ฉันนั่งรถตรงไปย่านราชประสงค์ UnQuote ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นดีใจที่เรื่องของฉันมีคนติดตามอ่าน มีแฟนประจำแค่เห็นชื่อก็อบอุ่นมีเรี่ยวมีแรงเขียนตอนต่อไปพักหลังนี้อาจทิ้งช่วงระหว่างตอนนานไปนิดเพราะต้องเขียนขึ้นใหม่ตอนต่อตอนฟายเก่าทั้งฟายจริงฟายสำรองนัดหมายกันพังพร้อม ๆ กันยังไม่ทราบสาเหตุเหมือนกันเปิดได้อ่านหน้าแรกได้แต่ไม่ยอมเลื่อนหน้าไปไหนดื้อเหมือนแมวขอบคุณอีกครั้ง
ด้วยความปรารถนาดี
จากคุณ : แมงกะพรุน - [6 มิ.ย. 45 04:15:23 A:203.121.152.238 X:]

ความคิดเห็นที่ 8
ระหว่างที่คอยบทใหม่ ให้คุณแมงกะพรุนขั้นจังหวะด้วยรูปถ่ายสมัย GI ที่ บน.6 เพื่อให้ได้บรรยากาศ
จากคุณ : แกงจืด - [6 มิ.ย. 45 13:46:01 A:210.4.148.135 X:10.10.10.104]

ความคิดเห็นที่ 9
อิอิ...พอดีเห็นคำว่าดื้อเหมือนแมว เลยเอารูปแมวมาฝากค่ะ ลงชื่อบ้างไม่ได้ลงบ้าง แต่ก็จะตามอ่านไปเรื่อยๆ นะคะ :)
จากคุณ : โคอาร่า - [6 มิ.ย. 45 13:54:09 ]

ความคิดเห็นที่ 10
++คุณ JW
ขอบคุณ ที่กรุณาเข้ามาทำลิงค์ให้เรื่อย ๆ เกรงใจจริง ๆ เพราะเขียน (พิมพ์) ไปเขียน (พิมพ์) มาอาจมีถึง 100 ตอน
++คุณมูโจ้
คิดเหมือนคุณเลย ไอ้ไวรัสคอมพิวเตอร์นี่นะเช็คแล้วเช็คอีกไม่เจอสักกะตัวสู้ไวรัสตัวจริงที่แอบอยู่ในตับไม่ได้เช็คเมื่อใด
เจอเมื่อนั้น
++คุณแกงจืด
คราวนี้เสียใจด้วยจริง ๆ ในแคมป์เขาห้ามถ่ายรูปเด็ดขาดเลยไม่มีรูปประกอบปลอบใจด้วย "ตอนที่ 24" เพิ่งเขียน (พิมพ์) เสร็จเมื่อกี้เอง ห้ามขอรูป "อาโก" หรือ น้อง ๆ เพราะไม่มีจริง ๆ
++คุณโคอาร่า (หมี)
เออ..ก้อเห็นยอมรับว่าเป็นหมีอยู่หยก ๆ ทำไมมีแต่รูปแมวน่ารัก น่ารัก? สวมวิญญาณคุณแกงจืด "อยากดูรูปหมี..อยากดูรูปหมี" "จาดูรูปหมี..จาดูรูปหมี"
จากคุณ : แมงกะพรุน - [7 มิ.ย. 45 02:54:37 A:203.121.148.91 X:]

ความคิดเห็นที่ 11
อิอิ...ได้ค่ะได้ รูปหมีก็รูปหมี ว่าแล้วก็กระเตงเจ้าตัวที่อยู่บนหลังไปอ่านตอนที่ 24 ต่อค่ะ แว่วๆ ว่าจะมีถึง 100 ตอน ทำให้ดีใจที่จะได้อ่านไปเรื่อยๆ ค่ะ :)
ไฟล์รูปภาพ
จากคุณ : โคอาร่า - [7 มิ.ย. 45 13:19:19 ]

ความคิดเห็นที่ 12
สวัสดีค่ะ ขออนุญาตถึงคุณแกงจืด โอย ดีใจจัง มีคนพูดถึงร้านวิมปี้ ดิฉันคงร่วมสมัยด้วยคะเพราะช่วงนั้นกำลังวัยกำดัดละ ชอบที่สุดก็ไปสระเซ็ทผมที่ร้านคุณถาวร แล้วก็ไปนั่งกินวิมปี้ ถ้ายังไม่หายมันก็ข้ามฝั่งมานั่งฝอยกินกาแฟที่ตรงข้าม ร้าน โกลเด้นเอ้ก คิดถึงวันเก่าๆโน้น จังเลย คนแก่น่ะ
จากคุณ : zonja - [10 มิ.ย. 45 12:20:13 A:202.133.144.250 X:]

ความคิดเห็นที่ 13
พูดถึงร้านวิมปี้สมัยนั้นได้ยินชื่อแล้วหิวภาคฝรั่ง ส่วนได้ยินชื่อแล้วหิวภาคไทยคือ ห้องอาหารสีฟ้า เจ้าตำรับบะหมี่ราชวงศ์
ร้านวิมปี้นี้เองที่เป็นผู้นำเอาแฮมเบอร์เกอร์ เข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทย (กรุงเทพ) สมัยนั้นถ้าใครเอ่ยชื่อแม๊ค
คนไทยต้องทำหน้าเหรอหราแล้วถามว่า "แม๊ค..ฮู้" เหมือนที่พวกอเมริกันถามกันเมื่อวานนี้ว่า "ฟิคโก้..ฮู้"
จากคุณ : แมงกะพรุน - [10 มิ.ย. 45 15:51:09 A:203.121.148.10 X:]


ไม่มีความคิดเห็น: