วันจันทร์, สิงหาคม 18, 2551

เรื่องของฉัน ตอนที่ 22


ตอนที่ 22

ฉันเริ่มเข้าทำงานกับธนาคารเชสแมนแฮตตั้น สาขาการเงินทหาร หรือที่เรียกกันในวงการว่าเชสเอมเอฟเอฟ ทำหน้าที่เป็นเลขานุการให้กับผู้จัดการใหญ่ เริ่มทำงานเป็นวันแรกเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2513 เจ้านายเป็นฝรั่งอเมริกันชื่อ มิสเตอร์ เดวิด เอฟ บราเวนเดอร์ พนักงานคนไทยเรียกแกลับหลังว่า บราเวนเดอร์เฉย ๆ บ้าง เดฟ บ้าง ฝรั่งคนนี้หากไม่รู้จักนิสัยใจคอจริง ๆ แล้วจะต้องคิดว่าเป็นคนดุ เพราะเป็นคนบ้าทำงาน น้อยครั้งนักที่จะยิ้มหัวกับใครในเวลางาน แถมยังมีร่างกายอ้วนใหญ่ราวกับยักษ์ปักหลั่น คำเตือนที่พูดกันเกลื่อนไปเวลาจะทำอะไรผิดคือ “เดี๋ยวก็โดนบราเวนเดอร์จวกหรอก” ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเพราะคนที่ทำงานที่เชสเอมเอฟเอฟทุกคน ไม่มีใครเลยที่ไม่เคยโดยบราเวนเดอร์จวก ตัวฉันเองนั้นถูก บราเวนเดอร์จวกเอาตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงานเลยทีเดียว


ทีแรกฉันออกจะแปลกใจที่ฝรั่งใช้ผู้ชายเป็นเลขา เพราะงานเลขาเป็นงานของผู้หญิงและโดยทั่วไปจะต้องเป็นผู้หญิงที่หน้าแฉล้มแช่มช้อยอีกด้วย คนที่ทำหน้าที่เลขาให้กับเดฟก่อนหน้าฉันก็เป็นผู้ชายเหมือนกันชื่อมงคล เพื่อน ๆ เรียกกันว่า "ไอ็ม๊ง" ทำงานได้ดีจน มร.บราเวนเดอร์เลื่อนตำแหน่งให้ไปทำงานในแผนกบัญชีทำให้ตำแหน่งเลขาว่างลง เกี่ยวกับเรื่องนี้ผู้สันทัดกรณีย์พากันลงความเห็นว่าแกเป็นผู้ชายประเภทที่ไม่ชอบผู้หญิง ไม่ใช่ไม่ชอบเพราะผู้หญิงเป็นผู้หญิง แต่ไม่ชอบผู้หญิงเฉย ๆ แต่ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรฉันก็มิได้ปักใจเชื่อเพราะไม่มีประจักษ์พยานและบราเวนเดอร์เองก็ไม่เคยรุ่มร่ามยุ่งเกี่ยวกับลูกน้องผู้ชายคนไหนให้เสียการปกครองเลย


เมื่อคุณเพ็ญศรีพาฉันไปแนะนำตัวกับ มร.บราเวนเดอร์ เป็นครั้งแรก จำได้ว่ารู้สึกกลัวจนตัวสั่น เพราะไม่เคยอยู่ใกล้ชิดฝรั่งมากขนาดนี้มาก่อน ถึงขนาดฟังไม่รู้เรื่องเลยว่าแกพูดอะไรบ้าง ทั้ง ๆ ที่ มร.บราเวนเดอร์เป็นฝรั่งที่พูดช้าและชัดเจนมากด้วยอยู่เมืองไทยมานาน แม้ว่าจะออกอาการติดอ่างอยู่หน่อย ๆ เช่นเมื่อพูดแล้วคิดหรือติดประโยคต่อไปจะลากคำสุดท้ายยาวมากเช่นพูดคำว่า "ไอ" แล้วนึกหรือติดคำต่อไปจะลากเสียงเป็น "อายยยยยยยยย" ไปจนกว่าคำต่อไปจะหลุดออกมา จับความได้ว่าแกบ่นว่าชื่อฉันนั้นเรียกยาก มีชื่อที่เรียกง่าย ๆ บ้างหรือไม่ ฉันก็ตอบไปว่าชื่อ "โป๋" แกคงฟังไม่ถนัดหลังจาก วอท ๆ อยู่สองสามครั้ง ก็คงขี้เกียจรำคาญเลยเรียกฉันเพี้ยนไปเป็น "พอล" ซึ่งเป็นชื่อฝรั่งแท้ ๆ ตั้งแต่นั้นมาฉันก็ถูกฝรั่งทั้งหลายรวมหัวกันเรียกฉันว่า "พอล" สร้างความหมั่นไส้ให้กับเพื่อนรุ่นพี่อยู่ทั่วไป


งานชิ้นแรกที่ทำให้กับ มร.บราเวนเดอร์คือการเขียนชวเลขหรือ Short-hand มร.บราเวนเดอร์เป็นคนที่ชอบเขียนจดหมายยาว ๆ และจดหมายแต่ละฉบับของแกจะใช้สำนวนโวหารที่สละสลวย ฉันตั้งอกตั้งใจจดชวเลขอย่างเต็มกำลังความสามารถและเข้าใจว่าเก็บใจความได้อย่างน้อย 7-80% ที่จดไม่ได้เป็นชื่อคนชื่อสถานที่หรือศัพท์เฉพาะหรือคำที่ได้ยินไม่ถนัดหรือไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่เมื่อนำเอา Short hand ที่จดด้วยมือของตัวเองไปแปลและพิมพ์ออกมาในรูปของจดหมายแล้ว ปรากฏว่าแปลไม่ได้เป็นอันมาก จึงพิมพ์มั่วส่งไปเท่าที่ทำได้ หลังจากนั้นไม่ถึง 5 นาที มร.บราเวนเดอร์ก็เรียกฉันเข้าไปพบ พร้อมกับถามเป็นภาษาอังกฤษซึ่งฉันจับความได้อย่างกระท่อนกระแท่นว่า ยูทำได้ดีที่สุดเท่านี้เองหรือ ถ้าแบบนี้ไอทำเองดีกว่า ความรู้สึกของฉันในขณะนั้นเหมือนกับถูกใครเอาน้ำเย็นราดจนเปียกโชกหนาวสั่นไปทั้งตัว ในใจคิดได้แค่ว่า "เสร็จแน่..เสร็จแน่..แค่วันแรกก็เสร็จเสียแล้ว..จะบากหน้ากลับไปพบผู้คนได้อย่างไร" ปากก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่นั่งเบะคล้ายเด็กจะร้องไห้บิดมือไปมาอยู่ตรงนั้นเอง


ฉันนั่งหน้าซีดอยู่พักใหญ่จึงได้ยินเสียง มร.บราเวนเดอร์ พูดช้า ๆ ว่า "อย่าวิตกไปเลย ภายใน 6 เดือนไอจะทำให้ยูเป็นเลขาชั้นยอดให้ได้" จากประโยคสั้น ๆ ง่าย ๆ ที่เดฟพูดขึ้นนี้เองทำให้ความหนาวเย็นมลายหายไปจนหมดสิ้น ความรู้สึกที่ว่าเดฟเป็นฝรั่งแปลกหน้าที่น่าเกรงกลัวก็หมดสิ้นไปด้วย คล้าย ๆ กับว่า แกโยนผ้าห่มผืนใหญ่มาให้ และประโยคสั้น ๆ นี้เองที่เป็นกำลังใจส่งผลให้ฉันกลายเป็นคนที่ต่อสู้ดิ้นรนในชีวิตการทำงานโดยไม่เคยท้อถอยต่อปัญหาและอุปสรรค์นานาประการจนประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงานในเวลาต่อมา
ที่จริงแล้วเดฟเป็นคนใจดีและยังมีความพูกพันกับคนไทยและเมืองไทยเป็นอย่างมาก แม้ว่าหลังจากที่ฉันเข้าทำงานที่แบงค์ได้ไม่นาน เดฟก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองประธานถูกเรียกตัวกลับไปประจำที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารในกรุงนิวยอร์คเพื่อควบคุมกำกับการดำเนินการของ มิลลิตารี่แบงกิ้งแฟซิลิตี้สทั่วโลก และตัดสินใจที่จะเกษียณตัวเองภายหลังจากที่สงครามเวียตนามสิ้นสุดลงได้ไม่นาน จนเวลาผ่านไปกว่า 30 ปี ทุกวันนี้ เดฟ ยังคงแวะเวียนกลับมาเมืองไทยอยู่ทุกปี มีคอนโดเป็นของตัวเองซึ่งเดฟมาอยู่ปีละหลาย ๆ เดือน ไม่มีจังหวัดไหนในประเทศไทยที่เดฟไม่เคยไป กลายเป็นฝรั่งที่กินเหล้าแม่โขง นับถือศาสนาพุทธเชื่อเรื่องบุญกรรม กราบไหว้พระได้สวยงามถูกต้องกว่าคนไทยบางคน เจอะเจอกันทีไรต้องยกมือสวัสดีตามธรรมเนียมไทยเสียก่อนแล้วจึงตามด้วยการเขย่ามือกันตามธรรมเนียมฝรั่งทีหลัง


แม้ว่าเดฟจะหูไม่ดีต้องใส่เครื่องช่วยฟังและไม่เคยพูดไทยให้ใครได้ยิน แต่อย่าไปเผลอด่าแกเข้าเป็นอันขาดเพราะแกเข้าใจภาษาไทยได้ดีพอสมควร ทุกปีที่มาเมืองไทย เดฟจะต้องเจ้ากี้เจ้าการรวบรวมพนักงานเชสเอมเอฟเอฟเก่า ๆ ที่ยังติดต่อกันได้อยู่ ตั้งตัวเป็นตัวตั้งตัวตีจัดขบวนทอดกฐินหรือผ้าป่าให้กับวัดที่ห่างไกลตามจังหวัดต่าง ๆ ไม่เคยขาดเลยสักปีนับจากวันนั้นเป็นต้นมา ฉันและ มร.บราเวนเดอร์ ก็ได้ทำข้อตกลงกัน โดยให้ฉันแปลจดหมายและพิมพ์ลงในกระดาษเปล่าก่อน หากคำไหนฉันจดไม่ทันหรือไม่รู้อย่ามั่ว ให้เว้นที่ว่างไว้แล้วแกจะเติมให้ เมื่อแก้ไขแล้วจึงพิมพ์ลงในกระดาษหัวจดหมายต่อไป ด้วยข้อตกลงนี้ ฉันกับ มร.บราเวนเดอร์ จึงเริ่มทำงานเข้าขากันอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ มร.บราเวนเดอร์บอกในภายหลังที่เราทั้งสองคบกันเป็นเพื่อนสนิทว่าชอบในตัวฉันคือความขยันหมั่นเพียรและการทุ่มทั้งแรงกายแรงใจทั้งหมดที่มีให้กับงาน อะไรที่ฉันไม่รู้บอกมาเพียงครั้งเดียวฉันจะจดจำได้อย่างแม่นยำ ฉันมาทำงานเช้ามาก โดยที่ฉันจะมาถึงที่ทำงานและพร้อมที่จะเริ่มงานได้ประมาณหกโมงครึ่ง ส่วน มร.บราเวนเดอร์จะมาถึงประมาณเจ็ดโมง นิสัยการมาทำงานแต่เช้านี้ติดตัวฉันมาตลอดระยะเวลาที่ฉันทำงาน แม้กระทั่งเมื่อทำงานติดต่อกันมากว่า 30 ปี เติบโตในสายอาชีพการธนาคารและการเงินเป็นส่วนใหญ่จนมีตำแหน่งสูงสักเพียงใดก็ตาม ฉันจะไปถึงที่ทำงานแต่เช้าตรู่เสมอ หนึ่งในคำสอนของเดฟที่ฉันจำได้แม่นคือ “โอนลี่เออลี่เบิร์ดส เก็ดเดอะเวิลม์ส”


จนในภายหลัง ฉันเคยได้ยินคนนินทาฉันเกี่ยวกับเรื่องการมาทำงานเช้านี้หลายครั้ง คนที่นินทามีทั้งที่เป็นเพื่อน เป็นลูกน้อง และบางคนที่ไม่ชอบหน้าฉัน คำนินทาเหล่านั้นพอจะสรุปให้ได้ใจความง่าย ๆ ว่า“แม่…ง เป็นผู้จัดการหรือเป็นยามกันแน่วะ”


จากคุณ : แมงกะพรุน - [3 มิ.ย. 45 04:28:04 A:203.121.152.18 X:]

ความคิดเห็นที่ 1
ขอบคุณ ที่แบ่งให่อ่านอีกตอน ชื่นชมตามเคยค่ะขอคุณพระคุ้มครองสุขภาพ
จากคุณ : ปราณ - [3 มิ.ย. 45 09:02:16 A:12.89.130.218 X:]

ความคิดเห็นที่ 2
ชอบคำพูดของมร.บราเวนเดอร์ ค่ะ ที่บอกว่า "อย่าวิตกไปเลย ภายใน 6 เดือนไอจะทำให้ยูเป็นเลขาชั้นยอดให้ได้"เป็นกำลังใจชั้นยอดทีเดียว
จากคุณ : โคอาร่า - [3 มิ.ย. 45 12:57:21 A:203.147.9.20 X:]

ความคิดเห็นที่ 3
ตามมาอ่านต่ออย่างไม่ให้พลาดสักตอนค่ะ
จากคุณ : O-HO - [3 มิ.ย. 45 14:35:17 ]

ความคิดเห็นที่ 4
เป็นฝรั่งที่น่าทึ่งและน่านับถือจริงๆ
จากคุณ : GTW - [3 มิ.ย. 45 17:47:38 A:203.144.143.254 X:202.133.172.179]

ความคิดเห็นที่ 5
ได้นายดีมีชัยไปกว่าครึ่ง มาให้กำลังใจต่อค่ะ รออ่านต่อไปเหมือนติดยาเลยฮี่ๆๆ
จากคุณ : JW - [4 มิ.ย. 45 03:56:07 A:142.173.107.180 X:]

ความคิดเห็นที่ 6
อ่านมาทุกตอนเลย แต่ไม่ได้ฝากข้อความชอบวิธีเล่าเรื่องของคุณนะคะ อ่านตอนนี้แล้วคิดถึงเจ้านายเหมือนกัน..จำได้ว่าในชีวิตทำงานนอกจากเพื่อนแล้วก็มีผู้ใหญ่ในสายงานที่เคารพนับถืออยู่สองคนหนึ่งในนั้นก็คือนายคนปัจจุบันนี่เอง...ในชีวิตคงไม่มีใครให้โอกาส เข้าใจ ไว้ใจ และคุยกันได้ทุกเรื่องเท่านายคนนี้อีกแล้ว.จนบางที่เราคิดว่านายไม่ได้เป็นแค่นาย แต่เป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เรานับถือตลอดไปอคน
จากคุณ : บุษบามินตรา - [4 มิ.ย. 45 17:00:15 ]

ความคิดเห็นที่ 7
มาแฮปไปอ่านทุกตอนแต่ไม่ใคร่ลงชื่อไว้เหมือนกันครับ ว่าแล้วก็สารภาพเสียเลย อิ อิ
จากคุณ : สาวกห้ากระสอบ - [4 มิ.ย. 45 18:27:50 ]

ความคิดเห็นที่ 8
อ่านทุกตอน ชอบมาก ไม่คิดว่าจะมีคนที่มีความจำได้ละเอียดละออและสามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีอรรถรสอย่างนี้ จะคอยอ่านตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อ...
จากคุณ : แมงจู้จี้ - [5 มิ.ย. 45 16:54:00 A:203.146.8.75 X:10.10.18.160]

ไม่มีความคิดเห็น: