วันจันทร์, กรกฎาคม 28, 2551

เรื่องของฉัน ตอนที่ 19


ตอนที่ 19

ตอนนั้นป๋าเปลี่ยนรถจากรถฟอร์ดปรีเฟคซึ่งเก่าชราเต็มทีมาเป็นรถอังกฤษคันยาวสีแดงหลังคาขาวยี่ห้อ “ว๊อกซ์ฮอล” ส่วนรถฟอร์ดนั้นป๋าเพียรหาคนซื้อเป็นนานสองนานก็ไม่มีคนสนใจ เพราะช่วงนั้นรถญี่ปุ่นกำลังเข้ามาตีตลาด ราคาไม่แพงอย่างเก่งป้ายแดงอยู่ราว ๆ 5 – 6 หมื่นบาท แถมเครื่องอะไหล่ยังหาได้ง่ายและมีราคาถูก สุดท้ายป๋าจึงต้องตัดใจ “ออกเบอร์”ในสมัยก่อน การขายของด้วยวิธี “ออกเบอร์” เป็นที่นิยมกันอยู่ทั่วไป ของทุกชนิดตั้งแต่รถยนต์ไปจนถึงแหวนเพชรหรือเข็มขัดนากก็ล้วนนำมาออกเบอร์ได้ทั้งสิ้น วิธีการออกเบอร์ก็คือการขายฉลากจำนวน 100 ฉบับ เป็นฉลากที่มีเลขเรียงตั้งแต่หมายเลข 00 จนถึง 99 ต้องการขายของนั้นในราคาเท่าใดก็เอาราคานั้นตั้งแล้วหารด้วย 100 ก็จะได้ราคาของเบอร์แต่ละฉบับ จะเห็นได้ว่าโดยวิธีนี้ของที่ขายจะมีราคาถูกเหมือนได้เปล่าหากจะมองในมุมมองของคนที่ถูกรางวัล การหาผู้ถูกรางวัลก็จะใช้ผลการออกรางวัลเลขท้ายสองตัวสลากกินแบ่งรัฐบาลในงวดการออกรางวัลที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเป็นเกณฑ์จำได้ว่าป๋ากำหนดราคา “เบอร์” เป็นฉบับละ 20 บาท หากขายหมดทั้งร้อยเบอร์ก็จะได้เงินถึง 2 หมื่นบาท เมื่อถึงงวดการออกรางวัลปรากฏว่าไม่มีผู้ถูกเบอร์เนื่องจากหมายเลขที่ออกเป็นเลขที่ขายไม่ออก ป๋าจึงได้เงินฟรีไป จนในรอบที่สองจึงปรากฏว่ามีผู้ถูกเบอร์ได้รถคันแรกของป๋าไปด้วยเงินเพียง 20 บาท รวม ๆ แล้วฉันไม่แน่ใจว่าป๋าได้เงินจากการ “ออกเบอร์” ในครั้งนั้นเท่าใด แต่หากย้อนเวลากลับไปได้ฉันจะเป็นผู้ขอซื้อรถคันนั้นไว้เสียเอง

คนที่เข้าไปเป็นสมาชิกสปอร์ตคลับนั้นต้องเล่นกีฬา ถ้าเล่นอะไรไม่เป็นก็ต้องหัดเล่นให้เป็น เพื่อที่จะได้มีสังคม มีกลุ่ม มีพวก หาอะไร เล่นอะไรไม่เป็นจริง ๆ ไปเข้าชมรมวิ่งเดินเพื่อสุขภาพก็ยังดี กีฬาที่ป๋าหัดเล่นเป็นอย่างแรกและอย่างเดียวที่ฉันเห็นคือกอล์ฟ นั่นเองจึงเป็นเหตุให้ฉันหัดเล่นกอล์ฟเป็นเพื่อนป๋าไปพร้อม ๆ กันด้วย กิจกรรมเดียวที่ฉันทำในสปอร์ตคลับคือการไปฝึกตีกอล์ฟ ด้วยความที่ค่าจ้างครูฝึกหรือที่เรียกกันว่า "โปร" นั้นมีราคาแพง ป๋าจึงไม่ยอมจ้างหรืออาจจะแอบจ้างบ้างในเวลาที่ฉันมิได้ไปด้วยก็ไม่ทราบได้ ส่วนใหญ่แล้วป๋าจะใช้วิธีถามคนรู้จักแล้วฝึกเอาเอง ฉันก็เช่นเดียวกัน ใช้วิธีฝึกเอาด้วยตัวเองด้วยการดูคนอื่นตีบ้าง ฟังคำแนะนำที่ป๋าไปจำของคนอื่นมาถ่ายทอดให้บ้าง อ่านหนังสือเอาบ้าง ดูในโทรทัศน์บ้าง

ตอนนั้นนักกอล์ฟที่มีชื่อเสียงมากมีอยู่ 3 คน ได้แก่ แจ๊ค นิคคลอส อาร์โนลด์ ปาลม์เมอร์ และ แกรี่ เพลเยอร์ รายการกอล์ฟที่ออกอากาศทางช่อง 7 สี จะมีสามคนนี้แหล่ะมาแข่งให้ดูสัปดาห์ละครั้ง นอกจากนั้นก็จะมีการ์ตูนของแกรี่ เพลเยอร์ ซึ่งนำลงในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสวันละ 3 ช่อง สอนเทคนิคต่าง ๆ ป๋าตัดการ์ตูนสามช่องจากที่ทำงานมาให้ฉันทุกวัน ลองผิดลองถูกเรื่อยมา เรื่องตัดหนังสือพิมพ์นี้ ป๋ามีความอุตสาหะเป็นอย่างมาก ตอนที่ฉันเด็ก ๆ หนังสือพิมพ์บางกอกโพสมีการนำเอาการ์ตูนเรื่องสโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดลงวันละสามช่อง ป๋าตัดเก็บไว้ทุกวันตั้งแต่ต้นจนจบ บรรจงเรียงตอน ปะแป้งเปียกลงในสมุดอย่างสวยงามเอามาให้ฉัน เสียดายว่าสมุดการ์ตูนแฮนด์เมดของป๋าซึ่งจะมีคุณค่าทางจิตวิญญาณเป็นอย่างมากหากอยู่จนถึงทุกวันนี้ ถูกไฟไหม้ไปเสียหมด

จากนั้นไม่นาน ทั้งฉันและป๋าก็ตีกอล์ฟในระดับที่สามารถออกรอบได้ ป๋าตีลูกได้แม่นกว่ามาก แม้ว่าจะไม่ไกลแต่ส่วนใหญ่แล้วจะตรง ส่วนฉันนั้นเอาแน่เอานอนไม่ได้ เป๋ไปเป๋มาแต่จะออกขวาที่เรียกกันว่าสไลซ์เสียเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเป็นสมัยนี้ต้องเรียกว่าเป็นคนตี เฟด ธรรมชาติ ป๋ามีโอกาสฝึกซ้อมและออกรอบมากกว่าฉัน ส่วนฉันตีอย่างไรก็ไม่เคยทำแต้มได้ต่ำกว่า 100 ต่อ 18 หลุมเลย แม่เป็นคนที่หันมาเล่นกอล์ฟหลังคนอื่นในบ้าน แต่เมื่อเริ่มเล่นแล้วกลับปรากฏว่าเล่นได้ดีที่สุด จนเกิดอุบัติเหตุในปี 2526 จนถึงขั้นแขนขาดไปข้างหนึ่ง แม่จึงไม่สามารถเล่นกอล์ฟที่ชื่นชอบได้อีกต่อไป

สนามที่ป๋าพาฉันเป็นเล่นมิใช่สนามสปอร์ตคลับเพราะถ้าจะเล่นที่สปอร์ตคลับจะต้องได้แต้มต่อหรือแฮนดิแคปเสียก่อน ประกอบกับในวันหยุดเสาร์อาทิตย์จะมีคนเข้าชื่อรอเล่นอยู่เป็นจำนวนมาก สนามประจำของป๋าและฉันคือสนามราชนาวี อยู่แถว ๆ บางนาทางไปโรงเรียนลาซาล แม้ว่าจะเป็นสนามเล็กและแคบแต่ก็ท้าทาย แถมยังมีตู้สล๊อดแมชีนตั้งไว้ให้เสี่ยงโชคอีกตั้งหลายตู้ ค่ากรีนฟีหรือค่าสนามถ้าจำไม่ผิดเก็บเพียง 120 บาท ค่าเด็กแบกถุงเริ่มตั้งแต่ 60 - 80 บาทต่อ 18 หลุม แถมบางสนามถ้าไม่ต้องการจ้างแค๊ดดี้จะลากรถถุงกอล์ฟเองก็ได้ สนามกอล์ฟที่มีชื่อเสียงก็เช่น สนามกองทัพบก (ท.บ.) รามอินทรา สนามกองทัพอากาศ (ท.อ.) บน. 6 มีสองสนามคือสนามใหญ่และสนามงู สนามกรุงเทพกรีฑา (หัวหมาก 1) สนามยูนิโก้ (หัวหมาก 2) ที่มีชื่อเสียงว่าสวยงามที่สุดในสมัยนั้นคงไม่พ้น สนามสวนสามพราน (โรสการ์เด้น) ป๋าลงทุนขนาดหนักซื้อสมาชิกไว้สองหน่วย ๆ ละ หมื่นห้าหรือสองหมื่นนี่แหล่ะ ป๋าและฉันจึงสามารถตีกอล์ฟที่สนามสวนสามพรานในฐานะสมาชิกได้โดยไม่เสียค่าสนามแต่อย่างใด

ฉันเล่นกอล์ฟอยู่หลายปีตั้งแต่เรียนจบและเริ่มทำงานใหม่ ๆ แต่ฝีมือก็มิได้พัฒนาขึ้น ยังคงพวกตีคุ้มค่าสนามอยู่เสมอ สำหรับท่านที่ไม่ทราบ กีฬากอล์ฟไม่เหมือนกับกีฬาอื่นที่ผู้เล่นต้องพยายามทำแต้มให้มากจึงจะชนะ กอล์ฟเป็นกีฬาที่ทำแต้มยิ่งน้อยยิ่งดี พวกที่ตีคุ้มค่าสนามคือพวกที่ฝีมือห่วยเช่นเขากำหนดให้ตี 18 หลุมไม่เกิน 72 ที พวกตีคุ้มจะล่อเสียเป็นร้อยจนอยู่มาวันหนึ่งขณะที่กำลังเดินแช่งชักหักกระดูกตัวเองอยู่ท่ามกลางแดดร้อนระอุในเดือนเมษายน ฉันก็ตัดสินใจว่าจะเลิกเล่นกอล์ฟ ฉันหยุดเล่นกอล์ฟไปนานถึง 22 ปีจึงมีเหตุให้ต้องหันกลับมาจับไม้กอล์ฟอีกครั้งหนึ่ง

ในช่วงที่ฉันเรียนพาณิชย์อยู่ปีสุดท้ายเป็นช่วงที่ป๋าเริ่มปลูกบ้านใหม่ซึ่งเป็นบ้านหลังแรกและหลังเดียวที่เป็นบ้านของป๋าไม่ต้องเร่ร่อนเช่าบ้านเขาอีกต่อไป บ้านหลังนี้เป็นบ้านใหญ่ ปลูกในที่กว้างขวางถึงสองร้อยกว่าตารางวาอยู่ที่ซอยนวลน้อย ถนนเอกมัย ป๋าแอบไปซื้อที่ผืนนี้ไว้นานแล้วเห็นบอกว่าซื้อมาตาราวาละไม่กี่ร้อยบาท ตอนที่ซื้อต้องใช้ชื่อแม่เป็นผู้ซื้อเพราะป๋าเป็นต่างด้าวซื้อที่ซื้อทางไม่ได้ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับบ้านนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาป๋าจะมาได้ นิสัยถาวรของป๋าอย่างหนึ่งคือความกระเบียดกระเสียนอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูแต่ก็เป็นการกระเบียดกระเสียนที่มีจุดหมาย เมื่อถึงคราวที่จะต้องใช้เงินเพื่อจุดหมายที่ตั้งไว้แล้วป๋าก็จะใช้เงินทั้งหมดที่เก็บหอมรอมริบมาอย่างไม่เสียดายเลย เริ่มจากสถาปนิกที่ออกแบบบ้านไปจนถึงผู้รับเหมาซึ่งล้วนเป็นผู้มีฝีมือดีเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปและแน่นอนที่สุดราคาค่าจ้างแพงมาก ตัวบ้านเป็นตึกสองชั้นขนาดใหญ่มีถึงสี่ห้องนอน มีเรือนครัวและเรือนคนรับใช้แยกต่างหากจากตัวบ้านหลังใหญ่ มีสนามกว้างขวาง ป๋าภาคภูมิใจในบ้านหลังนี้มากเนื่องจากเป็นบ้านที่ปลูกสร้างด้วยน้ำพักน้ำแรงและการเก็บหอบรอมริบของป๋าโดยแท้

นอกจากที่เอกมัยแล้ว ป๋ายังมีที่อีกแห่งหนึ่งอยู่แถวลาดพร้าวกว้างไร่กว่า ป๋าเล่าให้ฟังว่าที่ผืนนั้นไม่ได้ตั้งใจซื้อแต่มีคนเอามาจำนองไว้แล้วหลุดจำนอง ที่แห่งนี้เองที่ป๋าขายเอาเงินมาใช้ซ่อมบ้านเอกมัยซึ่งเกิดไฟไหม้ขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุในภายหลัง โชคยังดีที่ไหม้เพียงหลังคาและชั้นบนทั้งหมดเท่านั้น ยังเหลือชั้นล่างและฐานราก ป๋าใช้เงินสะสมก้อนสุดท้ายที่เหลืออยู่เกือบทั้งหมด รวมกับเงินที่ได้จากการขายที่ลาดพร้าวได้ไปในการซ่อมบ้านเอกมัยจนสวยงามเหมือนเดิม ไม่บอกเป็นไม่รู้ว่าเป็นบ้านซึ่งเคยถูกไฟไหม้มาแล้ว และบ้านเอกมัยหลังนี้นี่เอง ที่กลายสภาพไปเป็นเงินทุนให้ป๋าใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายจ่ายเป็น ค่าคนดูแล ค่ายา ค่าหมอ ค่าห้องโรงพยาบาลที่ป๋าใช้เป็นบ้านหลังที่สองในชีวิตช่วงสุดท้าย

ตั้งแต่ก่อนจะล้มป่วยป๋าก็ขยับจะเขียนพินัยกรรมหลายครั้งหลายครา แต่ก็ผลัดวันประกันพรุ่งจนแล้วจนรอดก็มิได้เขียนพินัยกรรม อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ป๋ายอมพ่ายแพ้ให้กับโรคมะเร็งต่อมลูกหมากที่ได้ต่อสู้กับมันมาด้วยใจที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวในที่สุด ก็ยังอุตส่าห์มีเงินสดเหลือเป็นมรดกให้แก่ทายาท ซึ่งได้แก่ แม่ ฉัน นายปั้น และ อาว์ยุพิน แบ่งกันไปคนละเล็กละน้อย

จากคุณ : แมงกะพรุน - [วันวิสาขบูชา 03:19:01 A:203.107.149.247 X:]

ความคิดเห็นที่ 1
ขอบคุณ และชื่นชม ความหลังร่วมยุคค่ะในความจำ ถ้าเลือกให้ไม่มีความเศร้าได้ก็จะดีนะคะ ขอคุณพระคุ้มครองสุขภาพคุณแมงกะพรุน
จากคุณ : ปราณ - [วันวิสาขบูชา 07:13:42 ]

ความคิดเห็นที่ 2
ออกเบอร์นี่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนทำอยู่นะครับ จริงๆ แถมมีรางวัล และเกณฑ์ วิธีการ พิสดารซับซ้อนขึ้นอีกมาก ^_^
จากคุณ : GTW - [วันวิสาขบูชา 08:41:14 A:202.133.172.192 X:]

ความคิดเห็นที่ 3
เคยซื้อออกเบอร์ทองค่ะ เค้าแกมบังคับให้ซื้อน่ะค่ะ เมื่อวานเพิ่งไปออกรอบกอล์ฟพาร์ 3 มาค่ะ วันนี้ก็ซ้อม ชิพกับพัตต์
ยังมือใหม่อยู่ค่ะ สุขสันต์วันวิสาขบูชาค่ะ ขอให้คุณพระคุ้มครองนะคะ
จากคุณ : JW (Chelsey) - [วันวิสาขบูชา 09:32:48 ]

ความคิดเห็นที่ 4
อ่านแล้วคิดถึง ตอนที่พ่อเคยตัดคอลัมน์ฟุดฟิดฟอไฟ ของคุณแสงชัย สุนทรวัฒน์ จากหนังสือพิมพ์เก็บไว้ให้อ่านทุกวันค่ะ คิดถึงความหลังจัง
จากคุณ : ธราธร - [วันวิสาขบูชา 15:04:16 A:194.80.32.12 X:10.38.40.120]

ความคิดเห็นที่ 5
ขออภัยและขอแก้ไขข้อผิดพลาดดังนี้
ข้อความที่ผิดพลาด
จำได้ว่าป๋ากำหนดราคา “เบอร์” เป็นฉบับละ 20 บาท หากขายหมดทั้งร้อยเบอร์ก็จะได้เงินถึง 2 หมื่นบาท
ข้อความที่ถูกต้อง
จำได้ว่าป๋ากำหนดราคา “เบอร์” เป็นฉบับละ 200 บาท หากขายหมดทั้งร้อยเบอร์ก็จะได้เงินถึง 2 หมื่นบาท
จากคุณ : แมงกะพรุน - [27 พ.ค. 45 03:26:57 A:203.121.146.40 X:]

ความคิดเห็นที่ 6
ตามมาอ่านต่อด้วยความชื่นชมค่ะ แม้จะรู้สึกเศร้าๆ ในบางช่วง
จากคุณ : O-HO - [27 พ.ค. 45 19:52:17 ]

ไม่มีความคิดเห็น: